มะเร็งผิวหนังเป็นโรคมะเร็งที่มีอัตราการรอดสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับมะเร็งอวัยวะอื่นถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น มะเร็งผิวหนังเป็นมะเร็งซึ่งสามารถสังเกตความผิดปกติได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ เช่น ตุ่ม, ก้อนเนื้อ, แผลเรื้อรัง และไฝที่ผิดปกติ Dr David Fisher จาก Melanoma Program at Massachusetts General Hospital แนะนำ วิธีสังเกตไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนัง พร้อมภาพสาธิต
มะเร็งผิวหนังคือเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดปกติของการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังและเยื่อบุเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงและพบมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น มะเร็งผิวหนังมีหลายชนิด แต่ที่พบบ่อยมี 3 ชนิดคือ
- Basal cell carcinoma เป็นมะเร็งผิวหนังที่พบมากที่สุดแต่ร้ายแรงน้อยที่สุด เพราะเกิดบริเวณผิวหนังชั้นตื้นๆ
- Squamous cell carcinoma เกิดขึ้นในผิวหนังชั้นกลางและพบได้น้อยกว่า มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจาย หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- Melanoma หรือ malignant melanoma เป็นมะเร็งจากเซลล์สร้างเม็ดสี (เมลาโนไซต์) พบไม่บ่อยมาก แต่ร้ายแรงที่สุดใน 3 ชนิด
อาการผิดปกติของผิวหนังที่ควรพบแพทย์
- ไฝที่โตเร็วผิดปกติ สีเปลี่ยนไป ขอบไม่เรียบ มีเลือดออก ฯลฯ
- ผื่นและแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หาย
- ตุ่มหรือก้อนเนื้อที่ผิดปกติ เช่นโตเร็ว มีเลือดออก ฯลฯ
Dr David Fisher อธิบายว่ามะเร็งผิวหนังเป็นมะเร็งซึ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับมะเร็งที่อวัยวะส่วนอื่นในร่างกาย แม้แต่ผู้ป่วย Melanoma ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรง ยังมีโอกาสหาย 6 ใน 7 ราย ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก
แพทย์ผิวหนัง แนะนำ วิธีสังเกตไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนัง ด้วยหลัก ABCDE ดังนี้
- A – asymmetry รูปทรงที่ผิดปกติจากไฝทั่วไป
- B – borders ขอบไฝมีรอยหยัก
- C – color change ไฝมีสีเปลี่ยนไปจากเดิมหรือมีสีแตกต่างกันในไฝเดียว
- D – diameter ไฝที่โตอย่างผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฝที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว รวมถึงไฝที่เส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 6 มิลลิเมตร
- E – elevation ไฝที่มีความนูนผิดปกติ หรือไฝที่นูนขึ้นกว่าเดิมอย่างผิดปกติ
ไฝ, ตุ่ม, แผล, ก้อนเนื้อ ไม่ใช่มะเร็งผิวหนังเสมอไป Dr David Fisher แนะนำให้สังเกตุพัฒนาการของผิวหนังว่ามีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ และพบแพทย์ทันทีถ้าพบความผิดปกติ
ที่มา: Dailymail, Wikipedia
0 Comments:
Post a Comment