Sunday, October 19, 2008

ทำอย่างไร ไม่ให้หวัดถามหา, 10 Tips to Prevent Common Cold.


 เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานว่า หวัดเป็นโรคที่มนุษย์เราเป็นกันมากที่สุดหรือเปล่า เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นหวัด จากข้อมูลของ U.S. Centers for Disease Control and Prevention (CDC) พบว่าหวัดเป็นสาเหตุของการขาดงานและขาดเรียนมากที่สุดในสหรัฐ ภายในหนึ่งปี ปรากฎว่าจำนวนวันที่นักเรียนลาป่วยด้วยสาเหตุจากหวัดรวมแล้วถึง 22 ล้านวันในแต่ละปี มีเชื้อไวรัสมากกว่า 200 ชนิดที่ทำให้เกิดโรคหวัด ซึ่งจะมีอาการรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับเชื้อไวรัสแต่ละชนิด

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถกำจัดโรคหวัดให้หมดไปจากโลกนี้ได้  รวมทั้งยังไม่มีวิธีที่สามารถป้องกันกันแพร่ของโรคหวัดได้อย่าง 100% วิธีที่ดีที่สุดก็คือการลดโอกาสที่เราจะติดหวัดจากผู้อื่น โดยการปฏิบัติตัวง่ายๆดังนี้

1.  ล้างมือบ่อยๆ  วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อหวัด การล้างมือเป็นสิ่งจำเป็น  เมื่อต้องติดต่อทำธุระในที่สาธารณะไม่ว่าจะเป็นการ Shopping การออกกำลังกาย ดูหนัง ฯลฯ  การล้างมือจะเป็นการทำลายเชื้อไวรัสซึ่งติดอยู่ที่มือของเรา หลังจากการสัมผัสอุปกรณ์หรือสิ่งของที่ผู้เป็นหวัดสัมผัสมาก่อนหน้านี้

2. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า  ไม่ว่าจะเป็นจมูก ปาก หรือตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ใกล้กับคนที่เป็นหวัดหรือหลังจากที่มือของเราสัมผัสกับวัตถุในที่สาธารณะ

3. งดสูบบุหรี่  ควันบุหรี่ทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจและทำให้ง่ายต่อการติดเขื้อหวัดและเชื้อโรคอื่นๆ แม้แต่ควันบุหรึ่จากผู้อื่นก็มีผลเช่นเดียวกัน

4. แยกของใช้ของผู้ป่วยเป็นหวัด หรือเปลี่ยนไปใช้ถ้วยหรือจานกระดาษที่ใช้แล้วทิ้ง ในระหว่างที่มีคนในครอบครัวเป็นหวัด  เพื่อป้องกันกันแพร่ของเชื้อหวัดผ่านการใช้ถ้วยน้ำหรือจานชามร่วมกัน

5.  รักษาความสะอาดในบ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามจุดที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ เช่นลูกบิดประตู แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ สวิทช์ไฟ โทรศัพท์ รีโมทคอนโทรล ซิงค์ เคาเตอร์ เชื่อโรคสามารถอาศัยอยู่ตามพื้นที่เหล่านี้ได้เป็นชัวโมงๆ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือหมั่นทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ ด้วยน้ำและสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

6.  ถ้าในบ้านของเรามีเด็ก อย่าลืมทำความสะอาดของเล่นของเด็กๆ  ทุกครั้งที่มีการทำความสะอาดบ้านเรือน

7.  เปลี่ยนมาใช้กระดาษเช็ดมือ  เชื้อโรคสามารถอาศัยอยู่ตามผ้าเช็ดมือในห้องครัวหรือห้องน้ำได้นานหลายชั่วโมง ถ้าหากเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง ก็ควรแยกผ้าเช็ดมือเป็นของแต่ละคนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แล้วอย่าลืมหาผ้าเช็ดมือสะอาดๆ สำหรับแขกด้วย

8.  กระดาษทิชชู่ที่ใช้เช็ดน้ำมูก น้ำตา เมื่อเป็นหวัดต้องทิ้งทันที  อย่าวางทิ้งไว้ เพราะมันเป็นแหล่งแพร่เชื้อหวัดไปทั่ว

9.  รักษาสุขภาพอนามัย  ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้เต็มที่สามารถต่อสู้กับโรคหวัดหรือโรคภัยอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10.  ควบคุมความเครียด   จากการศึกษาพบว่าความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราอ่อนแอลง ทำให้มีโอกาสเป็นหวัดได้ง่ายกว่าผู้ที่สามารถควบคุมความเครียดของตนเองได้

ข้อมูลทั้งหมดได้มาจาก: http://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=53472

Related Posts:

  • 'Fat Neck' a clue to heart risk: ความเกี่ยวข้องของเส้นรอบวงรอบคอกับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจนอกจากเส้นรอบวงรอบเอวของเราที่สามารถบ่งบอกอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจแล้ว  จากการศึกษายังพบว่าเส้นรอบวงรอบคอของเราก็แจ้งเตือนถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายมาหาเราได้เช่นกัน ผลการศึกษาจาก Framingham Heart Study ซึ่งถู… Read More
  • โรคจอประสาทตาเสื่อม: ไม่เพียงพร่ามัวแต่สุดท้ายตาบอดดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่ถ้าหน้าต่างบานนี้เกิดใช้ไม่ได้ ปิดสนิทแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจึงควรให้ความสำคัญกันตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องใช้สายตามากๆ หรือผู้ทท… Read More
  • A Glass Of Water For A Better Examทุกคนรู้ว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต แต่ใครจะคิดว่าน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวก็สามารถเพิ่มพลังสมองของคนเราได้ นัก วิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย East London  ได้เปิดเผยผลการทดสอบที่น่าทึ่ง จากการทดสอ… Read More
  • สธ. เตือนถึงตาย สาวฮิตฉีด "Glutathione -ยามะเร็ง" ให้ผิวขาวสธ. เตือนสาวอยากขาวใช้ยา"กลูตาไธโอน" รักษามะเร็งฉีดเข้าร่างกายหวังให้เกิดผลข้างเคียงผิวขาว ชี้อันตรายโดยเฉพาะหากไม่ใช่แพทย์ฉีดให้เพราะหากพลาดถูกเส้น เลือดดำถึงตายได้ และจะช่วยให้ขาวได้เฉพาะตอนใช้ยาเท่านั้นหากหยุดเมื่อไหร่สีผิ… Read More
  • Vitamin D สุดยอดวิตามินสารพัดประโยชน์สำนักข่าว UPI รายงานผลวิจัยจากเมืองผู้ดีประเทศอังกฤษว่า วิตามินดีมีส่วนช่วยเสริมแรงกล้ามเนื้อได้ด้วย วารสารการแพทย์ตีพิมพ์ผลการทดลองในเด็ก ผู้หญิงจำนวน 99 คน อายุตั้งแต่ 12-14 ปี เพื่อทดสอบการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยให้เด็กหญิ… Read More

0 Comments:

Post a Comment