Monday, August 25, 2008

12 Creative Ways To Save Money

ในยามที่สินค้าต่างก็ขึ้นราคาเกือบจะทุกชนิด  ใครที่เคยเก็บสะสมเงินได้ ก็คงจะมีปัญหาว่าก็บได้น้อยลงกว่าเดิม ส่วนใครที่เคยพอกินพอใช้ ก็อาจจะมีปัญหาเงินขาดมือ  ต้องหาหนทางประหยัดกันสุดๆ

วันนี้มี technique การประหยัดเงินมาฝากครับ มีอยู่ด้วยกัน 12 วิธี  บทความนี้ได้มาจาก http://cashbulge.com/2007/08/09/15-creative-simple-ways-to-save-at-least-100-a-week/  ถ้าใครสนใจก็ลองปฎิบัติดูกันครับว่าจะทำได้จริงขนาดไหน

1. พกข้าวกล่องไปทานตอนกลางวัน ถ้าทำไม่ได้ทุกวัน อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็ได้ ยิ่งถ้าเราทำงานอยู่ในย่านธุรกิจ จะรู้ว่ามันช่วยประหยัดได้มากจริงๆ


2. เก็บภาษีตัวเราเอง  ในเมื่อเราต้องจ่ายภาษีทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น (ภาษีเงินเดือน,ภาษีมูลค่าเพิม) ก็ลองเก็บภาษีตัวของเราเองเพิ่มอีกวันละ 10 บาท หยอดกระปุกไว้  เดือนหนึ่งก็ได้ 300 แล้ว

3. เก็บเศษเงินที่เหลือใส่กระปุกไว้ทุกๆ วัน  วิธีนี้หลายๆคน ทำเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเก็บเงินเหรียญที่เหลือหลังกลับถึงบ้านในตอนเย็น หยอดใส่กระปุก ตอนที่ผมยังทำงานประจำอยู่ก็เคยใช้วิธีนี้ แต่ละเดือนก็ได้เป็นร้อยอยู่เหมือนกัน

4. ปิดไฟและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ไม่จำเป็นต้องเสียบคาไว้ เมื่อมีการเสียบปลั๊กไฟไว้ ก็จะมีกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงตลอด ทำให้บิลค่าไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น ถ้าไม่ความจำเป็นให้ดึงปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้งาน และปิดไฟเมื่อมีความสว่างเพียงพอ

5. ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใช้รถ  ทุกคนคงจำประสบการณ์ตอนน้ำมันแพงหฤโหด เมื่อไม่นานนี้ได้ดี  และหลายๆ คนก็ต้องจอดรถไว้ที่บ้าน และอาศัยบริการขนส่งมวลชนเพื่อเป็นการประหยัดเงิน

6.หลีกเลี่ยงสินค้า Brand Name บางชนิด  ถ้าสังเกตุให้ดีเราจะพบว่าสินค้าใน discount store ที่เป็นของห้างเอง จำพวกน้ำยาล้างจาน และกระดาษขำระ มีราคาถูกกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่เป็นสินค้าชื่อดังมาก ทั้งที่มีการผลิตมาจากแหล่งเดียวกัน ส่วนต่างของราคานี้เกิดจากค่าใช้จ่ายในการโฆษณานั่นเอง 

7. ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง  ค่าใช้จ่ายบางอย่างสามารถลดได้ โดยไม่เกิดผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของเรามากนัก เช่นเคยดูหนัง เต้นรำ ฟังเพลง อาทิตย์ละครั้ง ทำไมไม่ลองลดเป็น 2 อาทิตย์ครั้ง หรือเดือนละครั้ง รับรองว่าประหยัดได้เยอะครับ

8. เลือกวิธีการใช้โทรศัพท์  เลือกการใช้โทรศัพท์ที่เปลืองค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เช่นถ้าโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่บ้าน ก็ให้ใช้เบอร์ที่บ้านโทรติดต่อกัน เพราะคุย 2 ชั่วโมงก็เสียแค่ 3 บาท

9.  ศึกษาวิธีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน และใช้ให้ถูกวิธี  เช่นต้องหมั่นถอดไส้กรองเครื่องปรับอากาศมาล้าง รีดผ้าคราวละมากๆ อย่ารีดครั้งใส่ครั้ง

10. หมั่นรื้อทำความสะอาดบ้านและเก็บของที่ไม่ใช้ไปขาย  นอกจากบ้านจะสะอาดน่าอยู่ เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้เงินติดมืออีกด้วย

11.  ก่อนซื้อสินค้าให้ถามตัวเองว่าต้องการใช้จริงๆ หรือเปล่า  อย่าคิดแค่ว่าน่าใช้ คนส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าเมื่อเห็นว่าน่าใช้ แต่พบว่าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ตอนที่มันมาอยู่ในห้องเก็บของที่บ้านของเราแล้ว

12. เลิกบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  นอกจากทำลายสุขภาพแล้วบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮลล์ยังมีราคาแพง ถ้าเลิกไม่ได้ก็ลองลดจำนวนลงสักครึ่ง จะพบว่าเราสามารถประหยัดเงินจากส่วนนี้ได้เป็นจำนวนมากที่สุด

Saturday, August 23, 2008

How Friendliness are You?

ถ้าอยากรู้ว่า เราเป็นคนเช่นไร ในแง่ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง ตอบคำถามไม่กี่ข้อ และดูว่าเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน เราเป็นคนเช่นไร?




Your Friendliness Score is 80 (Very Friendly)



You are an amazing friend. Anyone who has you as a friend is incredibly lucky.

And judging by how many friends you have, there are many lucky people in this world!



You can talk to people easily, and you often turn strangers into friends.

You are also a good listener. You are there for your friends when they need to vent, without judgment.



Overall, you have a genuine interest in people and their lives. And your friends can tell.

Taking time for your friends is very important to you. And because of this, you have lots of deep and meaningful friendships.

Wednesday, August 20, 2008

Creative Savings, จาก 5 บาทกลายเป็นหมื่นใน 2-3 ปี




ผมอ่านเจอบทความชื่อว่า With a bit of creative savings, $5 can get you at least $12,000 จาก Boston.com ซึ่งเล่าให้ฟังถึง Technique ในการสะสมเงินจากเงินทอนที่ได้แต่ละครั้ง ภายในเวลาประมาณ 2 ปีก็สามารถกลายเป็นเงิน 12,000 ดอลลาร์ได้



วิธี ของเขาก็คือ ทุกๆ ครั้งที่ได้รับเงินทอนจากการซื้อสินค้าที่เป็นธนบัตรใบละ 5 ดอลลาร์ไม่ว่าจะเป็นกี่ใบก็ตาม  เขาก็จะเก็บธนบัตร 5 ดอลลาร์ไว้ในกระเป๋าอีกใบหนึ่ง  เมื่อเงินในกระเป๋าใบดังกล่าวมีถึง 50 หรือ 100 ดอลลาร์ก็ให้นำฝากเข้าธนาคารเพื่อสะสมและได้ดอกเบี้ยอีกด้วย ภายในเวลาประมาณ 2-3 ปีเงินที่เขาสะสมจากเงินทอนก็มีถึง 12,000 ดอลลาร์แล้ว 

วิธีนี้น่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ของเราได้  โดยการที่เราเก็บสะสมเงินทอนที่ได้รับเฉพาะที่เป็นเหรียญ 5 บาท จากทุกๆครั้งที่เราได้รับเงินทอน ซึ่งประมาณได้ว่าในแต่ละวันเราน่าจะได้รับเงินทอนที่เป็นเหรียญ 5 ไม่น้อยกว่า 2 เหรียญ  เมือเก็บจนครบเดือนก็จะได้เงินประมาณ 3-400 บาท นำไปฝากธนาคารไว้ ภายในเวลา 1 ปีก็น่าจะมีเงินสะสมจากเงินทอนได้ประมาณ 3-4,000 บาท และกลายเป็นเงินหมื่นได้ภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี

วิธี การนี้ต้องการความมีระเบียบในการใช้เงิน และต้องใจแข็ง ห้ามนำเงินที่เก็บไว้มาใช้อย่างเด็ดขาด การสะสมเงินวิธีนี้น่าจะยากกว่าการเก็บเศษเหรียญที่เหลือแต่ละวันมาหยอด กระปุกไว้ ซึ่งหลายๆ คนนิยมทำกัน ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง

ถ้าสนใจก็ทดลองทำกันดู ไม่เสียหายหรอกครับการเก็บออมเงินมีแต่ได้กับได้

Tuesday, August 19, 2008

ทำอย่างไรให้ Condo, อพาร์ทเม้นท์ น่าอยู่เหมือนบ้าน

สมัยนี้การพักอาศัยอยู่ในห้องเช่า อพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโด เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับคนวัยทำงานที่มีที่ทำงานอยู่ไกลจากบ้านของตัวเอง ปัญหาสำหรับผู้ที่พักอาศัยในห้องเช่า อพาร์ทเม้นท์ หรือคอนโด ก็คือความคับแคบ จำเจ และรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด  ผมได้อ่านบทความจาก website แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า http://www.gomestic.com/Apartment-Living/How-to-Make-Your-Apartment-Seem-Closer-to-Home.107161  ซึ่งบอกวิธีที่สามารถช่วยให้การอาศัยอยู่ในคอนโด หรืออพาร์ทเม้นท์ ไม่น่าเบื่อและมีบรรยากาศของบ้านที่เราคุ้นแคย

1.  เพิ่มแสงสว่างในห้อง  จากการศึกษาพบว่าแสงสว่างช่วยให้ความรู้สึกของคนเราดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้แสงสว่างยังช่วยให้การทำกิจกรรมประจำวันต่างๆ เป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดุโทรทัศน์ ค้นหาหยิบฉวยสิ่งของในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเราดีขึ้นด้วย  ติดตั้งหลอดไฟฟลูออเรสเซ้นท์ ในจุดที่ต้องการแสงสว่าง หรือจุดที่เราใช้พักผ่อนอ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำงาน ไม่เป็นการสิ้นเปลืองเงินทองมาก แต่กลับได้ผลตอบแทนที่มากมายจริงๆ




2.  ปลูกต้นไม้ในห้อง  ต้นไม้กระถางเล็กๆ ที่ให้สีสันสวยงามหรือออกดอกได้ง่าย และดูแลรักษาได้ง่าย ไม่โตเร็วเกินไป หรือมีใบที่ร่วงงาย จนเป็นภาระในการดูแล ล้วนแต่เหมาะที่จะนำมาประดับห้อง หรือมุมโปรดของเรา  เนื่องจากเรามีชีวิตจิตใจ ทำให้เราต้องการอยู่กับธรรมชาติ การมีต้นไม้กระถางในห้อง จะทำให้ห้องพักของเรามีชีวิตชีวาขึ้นทันที



3.  ของประดับห้องและภาพแขวน  เจียดเงินในกระเป๋าหาซื้อของประดับชิ้นไม่ต้องใหญ่มาก หรือจะหาซื้อภาพที่ถูกใจหรือภาพของใครก็ตามที่เป็นกำลังใจให้เรา แขวนหรือวางไว้ในมุมโปรด ก็สามารถช่วยให้จิตใจของเรารู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิม





4.  ความสะอาดและเป็นระเบียบ  ข้อสุดท้ายนี้เพิ่มเติมโดยตัวผมเอง จากประสพการณ์ตอนหนุ่มๆที่เคยอาศัยในอพาร์ทเม้นท์ เนื่องจากพื้นที่จำกัดของห้อง ถ้าเราปล่อยให้รกเมื่อไหร่ เป็นอยากจะกลับไปอยู่บ้านทันที หัวใจของการอาศัยในอพาร์ทเม้นท์หรือ คอนโด คือต้องจัดข้าวของให้เป็นที่เป็นทางและทำความสะอาดทุกวัน



Monday, August 18, 2008

มารยาทการใช้ประตูร่วมกัน: How To Use The Public Door

ชม Clip แสดงการใช้ประตูร่วมกันในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ทำงาน หลักการง่ายๆ ก็คือ ถ้ามีใครตามหลังเรา ภายในระยะ 4ฟุตครึ่ง ก็ให้ช่วยดึงประตูรอเขาด้วย อย่าปล่อยให้ประตูปิดใส่ผู้ที่เดินตามมา ส่วนผู้ที่เดินตามมาก็ควรเร่งฝีเท้าสักนิดนึง อย่าให้คนที่ช่วยเปิดประตูรอ เกิดความรู้สึกว่ากลายเป็น พนักงานคอยเปิดประตูให้


Wednesday, August 13, 2008

บุคคลิกอย่างนี้ ถ้าเป็นเครื่องดื่มประเภทชา จะเป็นชาอะไร?

ลองมาทำความรู้จักกับตัวเราเอง ว่าเราเป็นคนลักษณะไหน โดยการตอบคำถามไม่กี่คำถามที่
 http://www.blogthings.com/whatkindofteaareyouquiz/  หลังจากนั้น website ก็จะประมวลจากคำตอบของเราว่า ถ้าจัดเป็นเครื่องดื่มประเภทชาแล้ว เราเป็นชาประเภทไหน และเป็นคนที่มีบุคคลิกลักษณะใด  คำตอบก็ค่อนข้างถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ!






You Are Black Tea




You have a bold personality. You're not afraid of simply being yourself.

You have the courage to speak the truth. You are fearless in your actions.



You come off as a bit intimidating and unapproachable. Only confident people are attracted to you.

You don't try to scare off anyone. You're just an intense person!

Tuesday, August 12, 2008

สารพัดวิธีการผูกไทให้ดูดี

ของฝากสำหรับผู้เริ่มทำงาน Clip Video วิธีการผูกไทอย่างไรให้ดูดี มีให้เลือกหลายวิธีตามชอบและความถนัดครับ

1. Full Windsor Knot


How To Tie A Tie - Full Windsor Knot


2. Half Windsor Knot




3. Simple Windsor Knot



How To Tie A Tie With The Simple Windsor Knot


4. Four in Hand Knot



How To Tie A Tie - Four-In-Hand Knot

5. Bow Tie (หูกระต่าย)



How To Tie A Bow Tie

6. Tie a Cravat



How To Tie A Cravat

วิธีพับเสื้อยืดคอกลมใน 2 วินาที

Clip วิธีการพับเสื้อยืดคอกลมอย่างเร็วแบบนี้ คงเคยผ่านสายตาพวกเรามาแทบทุกคนแล้ว แต่ที่นำมา post ไว้ก็เพราะผมทดลองแล้ว ทำได้จริงๆ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว



How To Fold A T-Shirt In 2 Seconds


ส่วน Clip ต่อไปเป็นการทำเครื่องช่วยในการพับเสื้อแบบง่ายๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้่ต่อยอดผลิตออกมาจำหน่ายได้สบายๆ



How To Make A T-Shirt Folding Machine

สารพัดวิธีในการแก้ง่วงนอนกลางวัน

อาการ ง่วงนอนหลังจากรับประทานอาหารมื้อเที่ยง เป็นเรื่องที่เราทุกคนเคยเป็นและหลายๆคนมีอาการนี้เป็นประจำ สาเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายของเราเน้นการปฎิบัติหน้าไปที่การย่อย อาหาร ทำให้เราขาดสมาธิและเกิดความรู้สึกง่วง  อาการนี้เรียกว่า Afternoon Apathy Syndrome ซึ่งถือเป็นเรืองปกติธรรมดา  แต่มีวิธีที่ช่วยให้เราได้รับผลกระทบจากอาการนี้น้อยลง และยังสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


1. ทานอาหารเช้ามากขึ้น และทานอาหารกลางวันในปริมาณที่พอเหมาะ  หลีกเลียงอาหารมือหนักในเวลากลางวัน เมื่อร่างกายของเราไม่ต้องย่อยอาหารมื้อหนัก อาการง่วงนอนก็จะลดลงทันที


 2. ออกกำลังกายทุกวัน การอออกำลังกายจะทำให้การสูบฉีด oxygen ไปทั่วร่างกายทำได้อย่างคล่องตัว ทำให้อาการง่วงนอนหลังอาหารมื้อเที่ยงลดลง

3. ทำงานที่ต้องใช้สมาธิและความคิดในช่วงเช้า ในเมื่ออาหารกลางวันทำให้เราเกิดอาการง่วงนอน วิธีที่จะทำให้งานเดินไปได้รวดเร็วและไม่ผิดพลาด ก็คือการจัดตารางเวลาทำงานของเราเสียใหม่ โดยเน้นการทำงานที่ต้องใช้สมองและสมาธิไปในช่วงเช้า ส่วนเวลาหลังเที่ยงก็อาจเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมากมายนัก เช่นจัดเอกสาร เช็คเมล์ ฯลฯ


4. ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็งีบสักพักก่อนจะลงมือทำงาน  การได้งีบสักครู่หนึ่งหลังอาหารเที่ยง ก็จะช่วยให้สมองแจ่มใส และสามารถทำงานต่อไปได้ วิธีงีบหลับที่ถูกวิธีก็คือ ศีรษะของเราจะต้องมีที่พิง เช่นบนโต๊ะ หรือพิงกับพนักเก้าอี้  การนั่งสัปหงกไม่ช่วยให้อาการง่วงหลังเที่ยงดีขึ้นสักเท่าไหร่



5. ทำสมาธิ  ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีหลังอาหารกลางวันนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ พร้อมเสียงเพลงบรรเลงเพราะๆ ก็สามารถทำให้อาการง่วงดีขึ้น

6. ง่วงมากนัก ก็ลุกขึ้นมาเดิน ถ้ารู้สึกง่วงมาก ทนไม่ไหวจริงๆ ก็ลุกจากเก้าอี้ แลเดินเร็วๆ สักประมาณ 2 นาที หรืออาจจะวิ่งขึ้นลงบันได สักเที่ยว 2 เที่ยว ก็ทำให้หายง่วงได้เช่นกัน เพราะเป็นการกระตุ้นการสูบฉีดโลหิตในร่างกายของเรา

7. ล้างหน้าก็หายง่วง  การล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และนวดใบหน้าไปพร้อมๆ กัน จะกระตุ้นให้สมองของเราสดชื่นขึ้นในทันที

8. สร้างอารมณ์ขัน  ในระหว่างช่วงพักเที่ยงหาเรื่องขำๆ เช่นการ์ตุน หรือพูดคุยเรื่องสนุกสนานกับเพื่อนๆ เป็นวิธีลดอาการง่วงนอนได้อย่างชะงัด ก่อนที่จะลงมือทำงานในช่วงบ่าย

9.  จัดเวลาการนอน  การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเป็นเวลา สามารถแก้ปัญหาการง่วงนอนในเวลากลางวันได้เช่นกัน  การอดนอนทั้งสัปดาห์ แล้วมานอนชดเชยในช่วงวันหยุดไม่ได้ทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น





10. เครื่องดื่มก็สามารถช่วยลดอาการง่วงนอนได้ น้ำ ผลไม้ซึ่งอุดุมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้ร่างกายของเรามีความรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้  บางคนก็นิยมดื่มกาแฟ ซึ่งก็ทำให้อาการง่วงนอนลดลง แต่ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้เช่นกัน

ที่มา: http://lifehackery.com/2008/08/07/life-8/#more-424

เริ่ม Post แรก









ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณ พวกเราที่ติดตามอ่าน Thai Blogzine ที่อุตสาห์ตาม link มายังที่อยู่ใหม่แห่งนี้ ความจริงเป็นความผิดพลาดของผมตอนแรก ที่ post เรื่องทั้งหมดผิดที่ โดยไป post ไว้่ที่ http://thaitblogspot.blogspot.com แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย แต่มาคิดได้ทีหลังว่าน่าจะทำให้ถูกต้องตรงตาม ชื่อของ Blog น่าจะดีกว่า ก็เลยต้องมีการอพยพข้อมูลนิดหน่อย (ดีที่ Post ไว้ไม่กี่เรื่อง) หลังจากนี้จะได้ลงมือทำ blog นี้อย่างจริงจังเสียที

ยังไงก็ช่วยๆ กันอ่านต่อไปด้วยครับ