Tweet
เพื่อให้เข้ากับเทศกาลกินเจ วันนี้ผมขอนำเรื่องเกี่ยวกับอาหารเจมาฝากพวกเราครับ เดี๋ยวนี้การทานเจในช่วงเทศกาลกินเจ ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปี เพราะนอกจากเป็นการทำบุญทำทานโดยการละเว้นทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและทำให้จิตใจผ่องใสอีกด้วย
ผู้ที่ทานเจต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ทุกชนิด และหันไปบริโภคอาหารประเภทแป้ง ผัก ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วเช่น เต้าหู้ ซี่อิ๊ว เต้าเจี้ยว ฯลฯ สำหรับผักสามารถทานได้ทุกชนิด ยกเว้นผัก 5 อย่างซึ่งมีกลิ่นฉุนรุนแรง และชาวจีนต้นตำรับการทานเจเชื่อว่ามีผลกระทบต่อธาตุในร่างกาย ผักทั้ง 5 ชนิดได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุยช่าาย หลักเกี๋ยว (กระเทียมโทนจีน) และใบยาสูบ
การทานเจเพื่อสุขภาพเราควรรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้ครบ 5 สี ตามสีของธาตุทั้ง 5 ได้แก่
สีแดง ได้แก่ผักผลไม้ที่มีสีแดง แดงส้ม แสด ชมพู ได้แก่มะเขือเทศ แครอท พริกแดง มะละกอ แตงโม ฯลฯ ผักในกลุ่มสีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ มีผลช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับหัวใจและโลหิต ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสขม
สีดำ ได้แก่ผักผลไม้ที่มีสีดำ น้ำเงิน หรือม่วง ได้แก่ถั่วดำ เผือก กะหล่ำม่วง มะเขือม่วง เห็ดหูหนู องุ่น เห็ดหอม ฯลฯ ผักสีดำเป็นสัญลัีกษณ์ของธาตุน้ำ มีประโยชน์ต่อการทำงานของไต ส่วนผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรงดอาหารรสเค็ม
สีเหลือง ได้แก่ผักผลไม้สีเหลือง เหลืองแก่ เหลืองอ่อน เช่น ฟักทอง ถั่วเหลือง มะม่วงสุก ข้าวโพด กล้่วย ทุเรียน ผักในกลุ่มสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของธาตุดิน มีประโยชน์ในการบำรุงม้าม สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับม้ามควรหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด
สีเขียว ซึ่งเป็นสีของผักส่วนใหญ่ เช่นคะน้า ผักบุ้ง ฝรั่ง ฯลฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไม้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อตับ ในขณะที่ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับตับควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยว
สีขาว ผักผลไม้ในกลุ่มสีขาวได้แก่ลูกเดือย ถั่วขาว ผักการขาว มะพร้าว น้อยหน่า ฯลฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุทอง ซึ่งมีประโยชน์ต่อปอด
เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์จากอาหารเจ เราควรทานผักผลไม้ให้ครบทั้ง 5 สี นอกจากได้ประโยชน์แล้วยังทำให้การทานเจไม่ใช่เรื่องอาหารรสชาดซ้ำซากจำเจอีกต่อไป
ที่มา: ศูนย์บริโภค CPF จากคอลัมน์ครัวของโลกครัวของคุณ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม 2554
0 Comments:
Post a Comment