Wednesday, March 18, 2009

วิธีเก็บรักษาอาหารในตู้เย็นให้ได้คุณค่าสูงสุด: Refrigerator's Tips

หากเราเป็นคนที่นิยมซื้ออาหารสดประเภทผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ รวมทั้งอาหารอื่นๆ เช่นนมและผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ รวมถึงเครื่องดื่มชนิดต่างๆ มาเก็บไว้ในตู้เย็นคราวละมากๆ ก็ควรเลือกเก็บอาหารเหล่านี้ในช่องที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับอาหารประเภทนั้นๆ  และควรจะเก็บไว้ในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อช่วยรักษาอาหารให้สดใหม่ไม่เน่าเสีย อีกทั้งยังคงคุณค่าวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ไว้ได้  โดยมีวิธีง่ายๆตามนี้



  • ผักสด และผลไม้ ล้างให้สะอาดและผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำผักหรือผลไม้ใ่ถุงพลาสติกใส เจาะรูเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และเก็บไว้ในช่องล่างสุดของตู้เย็น ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส ไม่ควรแช่ผัก ผลไม้ไว้ในช่องที่มีอุณหภูมิต่ำกว่านี้ เพราะจำทำให้วิตามินและแร่ธาตุถูกทำลายได้ ผลไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะจะแช่เย็น เช่นกล้่วยหอม และส้ม เพราะความเย็นจะทำให้เนื้อช้ำและรสชาดไม่อร่อย
  • เนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ  เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่เน่าเสียได้เร็ว เพราะเมืองไทยมีอากาศร้อน เหมาะในการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุของการเน่าเสีย เราควรเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในช่องด้านล่างของช่องแช่แข็ง ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ 0-2 องศาเซลเซียส หรือจะใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิดอย่างมิดชิด และแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง ซึ่งจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยให้การเก็บอาหารประเภทนี้ได้ยาวนานขึ้น
  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม  เหมาะที่จะเก็บไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส  ซึ่งก็คือบริเวณส่วนกลางของตู้เย็น บริเวณส่วนกลางของตู้เย็นยังเหมาะสำหรับการเก็บอาหารทุกประเภท ที่มีคำแนะนำให้เก็บไว้ในที่เย็นหลังจากเปิดใช้แล้วอีกด้วย
  • เครื่องดื่ม เหมาะสำหรับเก็บที่อุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งได้แก่ชั้นบริเวณประตูของตู้เย็น
  • ไข่  ควรเก็บไว้ในช่องเก็บไข่ซึ่งอยู่ด้านบนสุดของชั้นประตูตู้เย็น
สำหรับระยะเวลาในการจัดเก็บอาหารที่เหมาะสม หากเป็นผักและผลไม้่เก็บได้ 1-3 วัน เนื้อสัตว์ในช่องแช่แข็งเก็บได้นาน  2-3 สัปดาห์ ไข่อยู่ได้ประมาณ 3 สัปดาห์นับจากวันผลิต นอกจากนี้เรายังควรหมั่นสำรวจวันหมดอายุของอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็น และไม่ควรเก็บอาหารไว้มากเกินไป จนการถ่ายเทอากาศในตู้เย็นเป็นไปอย่างลำบาก  ข้อสำคัญอีกอย่างก็คืออย่างวางอาหารปรุงสุกแล้วและอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงไว้ด้วยกัน เพื่อไม่ให้แบคทีเรียปนเปื้อนมายังอาหารที่ปรุงสุกแล้ว

ข้อมูลจากศูนย์ผู้บริโภค CPF

0 Comments:

Post a Comment