Wednesday, September 28, 2011

กินเจให้มีประโยชน์ ตามสีของธาตุ



เพื่อให้เข้ากับเทศกาลกินเจ วันนี้ผมขอนำเรื่องเกี่ยวกับอาหารเจมาฝากพวกเราครับ  เดี๋ยวนี้การทานเจในช่วงเทศกาลกินเจ ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปี เพราะนอกจากเป็นการทำบุญทำทานโดยการละเว้นทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและทำให้จิตใจผ่องใสอีกด้วย

ผู้ที่ทานเจต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ทุกชนิด และหันไปบริโภคอาหารประเภทแป้ง ผัก  ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วเช่น เต้าหู้ ซี่อิ๊ว เต้าเจี้ยว ฯลฯ สำหรับผักสามารถทานได้ทุกชนิด ยกเว้นผัก 5 อย่างซึ่งมีกลิ่นฉุนรุนแรง และชาวจีนต้นตำรับการทานเจเชื่อว่ามีผลกระทบต่อธาตุในร่างกาย ผักทั้ง 5 ชนิดได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุยช่าาย หลักเกี๋ยว (กระเทียมโทนจีน) และใบยาสูบ

การทานเจเพื่อสุขภาพเราควรรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้ครบ 5 สี ตามสีของธาตุทั้ง 5 ได้แก่

สีแดง ได้แก่ผักผลไม้ที่มีสีแดง แดงส้ม แสด ชมพู ได้แก่มะเขือเทศ แครอท พริกแดง มะละกอ แตงโม ฯลฯ ผักในกลุ่มสีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ มีผลช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับหัวใจและโลหิต ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสขม

สีดำ ได้แก่ผักผลไม้ที่มีสีดำ น้ำเงิน หรือม่วง ได้แก่ถั่วดำ เผือก กะหล่ำม่วง มะเขือม่วง เห็ดหูหนู องุ่น เห็ดหอม ฯลฯ ผักสีดำเป็นสัญลัีกษณ์ของธาตุน้ำ มีประโยชน์ต่อการทำงานของไต ส่วนผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรงดอาหารรสเค็ม

สีเหลือง ได้แก่ผักผลไม้สีเหลือง เหลืองแก่ เหลืองอ่อน เช่น ฟักทอง ถั่วเหลือง มะม่วงสุก ข้าวโพด กล้่วย ทุเรียน ผักในกลุ่มสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของธาตุดิน มีประโยชน์ในการบำรุงม้าม  สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับม้ามควรหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด

สีเขียว ซึ่งเป็นสีของผักส่วนใหญ่ เช่นคะน้า ผักบุ้ง ฝรั่ง ฯลฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไม้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อตับ ในขณะที่ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับตับควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยว

สีขาว ผักผลไม้ในกลุ่มสีขาวได้แก่ลูกเดือย ถั่วขาว ผักการขาว มะพร้าว น้อยหน่า ฯลฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ของธาตุทอง ซึ่งมีประโยชน์ต่อปอด

เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์จากอาหารเจ เราควรทานผักผลไม้ให้ครบทั้ง 5 สี นอกจากได้ประโยชน์แล้วยังทำให้การทานเจไม่ใช่เรื่องอาหารรสชาดซ้ำซากจำเจอีกต่อไป

ที่มา: ศูนย์บริโภค CPF  จากคอลัมน์ครัวของโลกครัวของคุณ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม 2554






Saturday, September 24, 2011

วิธีเพิ่มพูนสติปัญญา - How To Be More Intelligent!

ความฉลาดติดตัวเรามาแต่เกิด แต่สติปัญญาสามารถฝึกฝนให้พัฒนามากขึ้นได้  Website Dumb Little Man แนะนำ 5 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มพูนสติปัญญาให้กับตัวเราไว้ดังนี้

Intelligent
ภาพจาก DesiComments.com
  1. การอ่าน  การอ่านเป็นการเพิ่มพูนความรู้ซึ่งเป็นรากฐานของสติปัญญา การอ่านยังเป็นการเพิ่มข้อมูลในการตัดสินใจให้แม่นยำขึ้น
  2. สอนผู้อื่น  อริสโตเติลนักปราชญ์ชาวกรีกที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกกล่าวไว้ว่า “Those that understand, teach.”  การสอนต้องใช้ความสามารถในการใช้เหตุผล ซึ่งความมีเหตุผลเป็นส่วนประกอบสำคัญของการมีสติปัญญา เคยมีการวิเคราะห์มาแล้วว่าการสอนส่งผลดีต่อผู้สอนมากกว่าผู้ที่ได้รับคำสั่งสอนด้วยซ้ำไป
  3. ลงมือปฏิบัติ  เมื่ออ่านและสอนผู้อื่นได้แล้วก็ต้องลงมือปฎิบัติ การอ่านเป็นการเพิ่มพูนความรู้แต่การลงมือปฏิบัติเป็นการสร้างความเข้าใจอย่างแท้จริง
  4. ฝีกให้เชี่ยวชาญ  วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความเชี่ยวชาญคือฝึกให้เชี่ยวชาญทีละอย่าง จนเมื่อเชี่ยวชาญแล้วจึงจะเริ่มเพิ่มความเชี่ยวชาญในสาขาอื่นต่อไป
  5. หาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งอื่นเช่น TV และ Internet
 Dumb Little Man บอกว่าถ้าทำได้ตามนี้ จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้  เพิ่มทักษะในการใช้เหตุผล ซึ่งก็คือการเพิ่มพูนสติปัญญานั่นเอง

Thursday, September 15, 2011

ป้องกันต้อกระจกด้วยอาหาร

การเจ็บป่วยเกี่ยวกับสายตาเป็นเรื่องทรมานไม่น้อยกว่าการเจ็บป่วยทางกายอื่่นๆ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งสวยงามของโลกใบนี้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สายตาก็ย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลา และโรคทางสายตาที่เป็นกันมากในหมู่ผู้สูงอายุก็คือ โรคต้อกระจก

ผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย Oxford ได้ศึกษาติดตามกลุ่มตัวอย่างผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จำนวน 27,600 คน เป็นระยะเวลา 15 ปี และพบว่าผู้ทานอาหารมังสวิรัติ (ทานผักไข่และนม) และผู้ทานอาหารเจ (ทานเฉพาะพืชผักละเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด) มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก น้อยกว่าผู้ทานเนื้อสัตว์ 30 - 40 %  ผลการวิจัยยังระบุว่าคนที่ทานเนื้อสัตว์ทุกวันมากกว่าวันละ 100 กรัมขึ้นไปยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต้อกระจกมากขึ้น และลดลงตามปริมาณเนื้อสัตว์ที่บริโภคน้อยลง



ต้อกระจกเป็นโรคเลนส์ตาขุ่นขาว ทำให้เลนส์ตาซึ่งปกติจะใสคล้ายกระจกใส กลายเป็นขุ่นคล้ายกระจกฝ้าที่มีรอดขูดขีดเต็มไปหมด ซึ่งการทานผักผลไม้ เป็นประจำจะช่วยลดความเสื่อมของเลนส์ตา เพราะในพืชผักอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินที่จำเป็นต่อสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน แครอท มะเขือเทศและมะละกอสุก  ข้อสังเกตุอีกอย่างหนึ่งก็คือคนทานเจและมังสวิรัติมักจะไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ทำให้สุขภาพดีกว่าและลดความเสี่ยงต่อโรคต้อกระจกไปด้วย

วิธีป้องกันต่อกระจกสำหรับคนทั่วไปก็คือการงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า สวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสียูวีเมื่อต้องออกแดด และทานผักผลไม้หลากชนิดเพื่อเพิ่มวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ

ที่มา: บทความจากคอลัมน์ครัวของโลกครัวของคุณ ศูนย์ผู้บริโภคซีพีเอฟ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

Friday, September 9, 2011

ประโยชน์ของแกนกระดาษ Tissue



แกนกระดาษทิชชู่ ที่ถูกโยนทิ้งกันเป็นประจำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ  Lifehacker เสนอแนวคิดนำกระดาษทิชชู่มาใช้เป็นที่เก็บสาย cable, สายไฟฟ้า, สายโทรศัพท์ ฯลฯ  โดยการแยกสาย cable ไว้ในแกนกระดาษทิชชู่แต่ละอัน ก่อนจะบรรจุลงกล่อง ทำให้สาย cable ไม่พันกันวุ่น และช่วยให้เราสามารถเลือกหยิบสาย cable เหล่านี้เมื่อต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องรื้อค้นครับ


Saturday, September 3, 2011

ส้อมขนาดใหญ่ทำให้อิ่มเร็วขึ้น?

ปกติเมื่อมีการศึกษาถึงการควบคุมอาหาร นักวิจัยมักให้ความสนใจกับคุณค่าและปริมาณอาหารเป็นหลัก แต่คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Utah สหรัฐอเมริกา กลับให้ความสนใจกับขนาดของอาหารที่จะถูกส่งเข้าปาก

การวิจัยทำขึ้นที่ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่ง โดยอาหารถูกจัดแยกเป็น 2 set ชุดหนึ่งมีปริมาณมากกว่าปกติ 20% และเสิร์ฟด้วยส้อมขนาดใหญ่ ในขณะที่อีก set หนึ่งมีปริมาณอาหารน้อยกว่าปกติ 20% และเสิร์ฟด้วยส้อมขนาดเล็ก  อาหารทุกจานจะถูกชั่งน้ำหนักก่อนเสิร์ฟและถูกชั่งอีกครั้งเมื่อลูกค้ารับประทานอาหารเสร็จ  ผลการวิจัยพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่รับประทานอาหารในจานที่มีปริมาณมากด้วยส้อมขนาดใหญ่กลับบริโภคในปริมาณที่น้อยกว่าลูกค้าที่รับประทานอาหารในจานที่มีปริมาณน้อยที่เสิร์ฟด้วยส้อมขนาดเล็ก