Saturday, November 29, 2008

How To Keep Your House Clean: เคล็ดลับในการทำความสะอาดบ้าน

ใครๆ ก็อยากจะได้อาศัยอยู่ในที่สะอาดเป็นระเบียบ แต่สำหรับคนที่ต้องใช้เวลาอยู่นอกบ้านตั้งแต่เช้ายันเย็นหรือค่ำ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ได้เวลานอนแล้ว ทำให้ไม่มีเวลามากมายที่จะดูแลความเป็นระเบียบและความสะอาดในบ้านหรือห้องพัก  ลองมาอ่านเคล็ดลับในการดูแลบ้านช่องให้เป็นระเบียบกันดีกว่า


จัดระเบียบการดูแลทำความสะอาดบ้าน โดย list งานที่ต้องทำ และจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่  ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 4 หัวข้อดังนี้

1. จัดวางข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ
2. งานทำความสะอาดที่ต้องทำเป็นประจำ
3. งานทำความสะอาดอย่างครบวงจร
4. งานทำความสะอาดในกรณีพิเศษ

การจัดวางเก็บสิ่งของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ เป็นงานที่ต้องทำทุกวัน  งานเหล่านี้ได้แก่ การจัดสิ่งของเครื่องใช้ให้กลับสู่สภาพเดิมที่เคยเป็น, เทขยะ , ขยับโต๊ะเก้าอีกให้เข้าที่ เก็บและปูที่นอนให้เรียบร้อย ฯลฯ

งานทำความสะอาดที่ต้องทำเป็นประจำ  เช่นงานปัดผุ่น กวาดบ้าน ถูพื้น  ต้องทำอย่างน้อยวันละครั้ง  งานทำความสะอาดห้องน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง , งานเก็บกวาดหยากไย่ตามฝ้าเพดาน เดือนละครั้ง ฯลฯ

งานทำความสะอาดแบบครบวงจร ก็คือการทำความสะอาดครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำปีละ 1-2 ครั้ง ได้แก่การสำรวจสิ่งของเครื่องใช้ทั้งหมดในบ้าน คัดสิ่งที่ไม่ต้องการใช้แล้วเก็บในห้องเก็บของหรือโละทิ้งหรือจะขายก็ได้  ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้อย่างละเอียด เช่นด้านหลังของภาพแขวน ใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ ฯลฯ

งานทำความสะอาดในกรณีพิเศษ คืองานทำความสะอาดที่ไม่ได้อยู่ในตารางเวลา เช่นทำความสะอาดถ้วยจานชาม เมื่อมีแขกพิเศษมาเยี่ยมบ้าน ฯลฯ

การจัดหมวดหมู่ และตารางเวลาสำหรับงานในแต่ละบ้าน ย่อมแตกต่างกันไป ตามความเหมาะสม  เช่นถ้าเราทำงานอยู่นอกบ้านเป็นหลัก ห้องพักถูกปิดไว้ตลอดเวลา ก็คงไม่ต้องถูพื้นทุกวัน   หลังจากจัดตารางการทำงานบ้านที่เหมาะสมกับเราแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องทำตามตารางเวลาให้เป็นประจำจนเป็นนิสัย  บ้านก็จะสะอาดไม่รกรุงรักอย่างแน่นอน

เรียบเรียงจาก: http://www.gomestic.com/Personal-Organization/How-to-Keep-Your-House-Clean.367951

Friday, November 28, 2008

You Are Somewhat Approachable: คุณเป็นคนที่น่าเข้าใกล้หรือไม่?

สภาพบ้านเมืองขณะนี้ คงทำให้หลายๆคน เครียด รวมทั้งตัวผมเองด้วย ทำให้ไม่ค่อยมีจิตใจจะค้นหาเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจมา post แต่ก็ไม่อยากให้พวกเราที่แวะเข้ามาอ่าน เจอแต่เรื่องเก่าๆ ก็ขออนุญาตขัดตาทัพ ด้วย แบบทดสอบสนุกๆ ว่าตัวเราเป็นคนที่น่าเข้าใกล้ขนาดไหน ด้วยการตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อ ก็สามารถบอกอุปนิสัยส่วนตัวของเราได้

http://www.blogthings.com/areyouapproachablequiz/





You Are Somewhat Approachable




You are a fairly friendly person, and you're definitely not scaring people away.

You do tend to have your guard up strangers, and rightfully so.



How approachable you are depends on who is trying to approach you.

You're friendly to people who seem harmless and nice. But you also know how to give creepy people the cold shoulder!

Thursday, November 27, 2008

5 Ways To Get Rich Without Skill : 5 อาชีพที่ทำรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ผมบังเอิญไปอ่านพบบทความนี้จาก http://www.cracked.com/article_16811_5-ways-get-rich-without-single-discernible-skill.html เป็นเรื่องของการหารายได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย โดยไม่ต้องทำธุรกิจและยังไม่ต้องเป็นพนักงาน เป็นอาชีพอิสระที่ไม่ต้องการความรู้และประสพบการณ์อะไรมากมาย  แน่นอนว่าอาชีพเหล่านี้คงไม่ใช่อาชีพที่คนทั่วๆ คาดคิดถึงหรือถึงจะรู้แต่ก็ยังยากที่จะตัดสินใจทำ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มีคนประกอบอาชีพเหล่านี้อยู่จริงๆ และสามารถทำรายได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย  เริ่มจากอาชีพที่รายได้น้อยไปยังอาชีพที่รายได้มากครับ

5. Sperm Donors  รายได้ขั้นต่ำถ้าใครจะยีดเป็นอาชีพที่สหรัฐอเมริกาคือ 12,000 เหรียญ (420,000 บาท)  ผู้ที่จะบริจาค (หรือพูดตรงๆ ก็คือขาย) sperm ของตนเอง จะต้องได้รับการตรวจร่างกายว่าไม่มีโรค รวมทั้งตรวจนับจำนวน Sperm ถ้าหากสามารถผ่านการตรวจไปได้  ก็จะได้รับเงิน 100 เหรียญเป็นอย่างน้อยสำหรับการบริจากแต่ละครั้ง 
โดยมีข้อแม้ว่าจะให้บริจากได้ 3 วันต่อครั้ง  แต่ก็มีบางคนที่บริจากกับหลายๆ ที่ ก็สามารถเพิ่มรายได้ขึ้นไปอีก  และถ้าผู้บริจากยินยอมให้เปิดเผยตัวตน ก็จะได้รับถึง 500 เหรียญต่อครั้ง   แต่ตามกฎหมายของสหรัฐระบุว่าการบริจาคแบบเปิดเผยชื่อ จะมีข้อจำกัดว่า ภายใน 1 รัฐจะมีบุตรที่เกิดจาก sperm ของผู้บริจากโดยเปิดเผยชื่อไม่เกิน 2 คน  ถ้าผู้บริจาคไม่กลัวว่าจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา  และพร้อมจะมาพบที่บ้านได้ตลอดเวลา  ก็จะสามารถทำเงินรายได้ขั้นต่ำต่อปีได้ถึง 60,000 เหรียญ (2,100,000 บาท)  หลายคนคงสงสัยเวลาบริจาคต้องทำอย่างไรบ้าง  คำตอบก็คือเขาจะจัดห้องเงียบๆ พร้อมวิดีโอปลุกใจให้ผู้บริจากเลือกชม ส่วนขั้นตอนต่อไปก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว
สำหรับผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา ก็สามารถทำรายได้จากอาชีพที่ใกล้เคียงกันก็คือการบริจาคไข่เพื่อให้ผู้ไม่สามารถมีบุตร  โดยสามารถทำรายได้ครั้งละ 5,000 เหรียญ

4. Street Entertainers   อาชีพนี้ตามสถานที่คนมากๆ ในเมืองไทยก็มีให้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว  แต่สำหรับที่สหรัฐอเมริกา เป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ถึงชั่วโมงละ 10-20 เหรียญ แล้วแต่ทำเลที่ตั้ง  ยิ่งถ้าเป็นผู้มีความสามารถมากก็ยิ่งทำรายได้สูงมากเป็นเงาตามตัว 
พวกเราเชื่อมั้ยว่านักร้องดังๆ เช่น Rod Stewart, Simon and Garfunkel, Bob Dylan หรือดาราตลก Bob Hope ก็เริ่มชีวิตศิลปินตามท้องถนนมาก่อน  รายได้ต่อปีของ Strret Entertainers ประมาณ 25,000 เหรียญขึ้นไป (875,000 บาท)





3. Human Guinea Pig  หรือเรียกง่ายๆในภาษาไทยว่าเป็นหนูลองยา  ถ้าผู้ตัดสินใจเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ไม่กลัวว่าจะไม่ได้ใช้เงิน ก็จะทำรายได้ประมาณปีละ 50,000 เหรียญ (1,750,000 บาท)  ที่สหรัฐอเมริกาผู้ยอมเป็นคนไข้จำเป็นให้นักศึกษาแพทย์ฝึกตรวจจะได้รับเงินชั่วโมงละ 15 เหรียญ (450 บาท)
ในเมืองไทยก็มีอาชีพนี้อยู่ ผมเคยคุยกับคนขับ taxi คนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่าเขาได้รับเงินวันละ สองร้อยบาท จากการกินยาซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนวางตลาด  ซึ่งต้องกินติดต่อกันเป็นระยะยาวนานเป็นปี ระหว่างนั้นก็จะมีการตรวจเลือดและร่างกายเพื่อดูผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น  ผมถามเขาว่าไม่กลัวหรือ  เขาบอกกับผมว่า รายได้จากการขับรถไม่พอเลี้ยงลูก 4 คน ก็เลยยอมเสี่ยง






4. Dumpster Diving  อาชีพนี้ในเมืองไทยมีมากจริงๆ ยิ่งในช่วงเวลาเศรษฐกิจฝืดเคือง เราจะเห็นคนเดิมเก็บขวด, กระป๋องเครื่องดื่ม ฯลฯ เพื่อนำไปขายต่อ บางคนก็ทำเป็นอาชีพเสริม แต่บางคนก็ยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเลยก็มี  ในสหรัฐอเมริกาก็มีคนประกอบอาชีพนี้เช่นกัน  และสามารถทำรายได้ไม่น้อยเช่นกัน  กระป๋องเครื่องดื่มอัดลมที่ถูกโยนทิ้งในอเมริกาในแต่ละปีมีน้ำหนักรวมกันถึง 4 พันล้านปอนด์ และเศษกระป๋องเหล่านี้สามารถขายได้ปอนด์ละ 20 เซ็นต์ (ประมาณ 7 บาท) คำนวณง่ายๆ ก็คือแค่ธุรกิจเก็บเศษกระป๋องน้ำอัดลมเพียงอย่างเดียวก็ทำเงินมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท!




5. Beggars  อาชีพขอทานที่สหรัฐอเมริกาทำรายได้ถึงปีละ 100,000 เหรียญ (3.5 ล้านบาท)  ใครที่คิดว่าขอทานที่สหรัฐอเมริกามักเป็นพวกเร่ร่อน ไร้ที่พักพิง ต้องคิดใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าขอทานหน้าห้าง Wall Mart ที่ Oregon มีที่พักเป็นหลักแหล่ง และมีบ้านเป็นของตนเอง จากการสำรวจยังพบว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ขอค่ารถค่าขนมตามข้างทาง  บางคนทำเงินได้มากกว่าเงินเดือนขั้นต้นของพนักงานที่จบปริญญาตรี  เคล็ดลับง่ายๆ ของขอทานเหล่านี้ก็คือหมั่นเก็บเศษเหรียญที่คนบริจาคให้ออกจากกระป๋อง อย่าให้ใครรู้ได้ว่าตอนนี้สามารถทำเงินได้เท่าไหร่แล้ว! 

Tuesday, November 25, 2008

The World Factbook 2008 (ข้อมูลประเทศต่างๆ ในโลกใบนี้)

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งของ Internet ก็คือการค้นหาข้อมูลความรู้ต่างๆ  แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องเพียงใด  บางครั้งเรื่องๆ เดี่ยวกันแต่ข้อมูลที่ได้มาจากแต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย


ข้อมูลความรู้ที่ถูกค้นหามากเป็นอันดับต้นๆ ผ่านทาง Internet ก็คือข้อมูลความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก  ส่วนใหญ่ก็เพื่อเป็นส่วนประกอบในการวิจัยหรือทำรายงานต่างๆ ถ้าหากพวกเราต้องการความแม่นยำของข้อมูลทั่วๆ ไป ของประเทศต่างๆ ในโลกของเรา คิดว่าข้อมูลจาก The World Factbook  เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้มากแห่งหนึ่ง

The World Factbook จัดทำโดย  CIA (Central Intelligence Agency) ของสหรัฐอเมริกา รวบรวมข้อมูลทั่วไปๆ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ประชากร ฐานะทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ไว้อย่างครบถ้วน  ก่อนหน้านี้ข้อมูลเหล่านี้สามารถดูได้ทาง Website ของ CIA เท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ถูกจัดทำเป็น Ebook ให้ download ได้แล้ว ซึ่งล่าสุดนี้เป็น The World Factbook ของปี 2008 update เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2008 นี้เอง (ปกติ World Factbook จะจัดทำปีละครั้ง) ในรูปแบบของ html files  เนื่องจากรวบรวมเรื่องราวของประเทศทั่วโลกไว้ทั้งหมด ทำให้เป็น Ebook ขนาดใหญ่พอสมควร ความจุประมาณ 105 Mb

พวกเราที่สนใจเรื่องเหล่านี้  หรือต้องใช้ข้อมูล สามารถ download ได้ฟรี ที่ https://www.cia.gov/library/publications/download/

Monday, November 24, 2008

How To Apply Eyeliner: สาธิตวิธีการเขียนขอบตา

สำหรับสาวๆวัยทำงาน ที่ติดตามอ่าน Blog นี้ มี clip ที่คิดว่าน่าจะถูกใจทุกๆ คน มาให้ชมกัน เป็นการสาธิตวิธีการเขียนขอบตา ด้วย Eyeliner หวังว่าจะถูกใจครับ

Sunday, November 23, 2008

The Most Expensive Parking Places In The World: เมืองที่ค่าจอดรถแพงที่สุดในโลก

การจะเป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน นอกจากคำนึงถึงค่าน้ำมันรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าประกันอุบัติเหตุ แล้วเดี๋ยวนี้ที่จอดรถก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน  ในเมืองใหญ่ๆ รวมทั้งกรุงเทพมหานครของเรา ปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอ และราคาค่าจอดค่อนข้างแพงเป็นปัญหาที่ทำให้คนที่คิดจะซื้อรถสักคัน ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจด้วย

พูดถึงเรื่องที่จอดรถ ผมมีข้อมูลมาฝากพวกเรา เป็นเรื่องของค่าจอดรถที่แพงที่สุดในโลก  ตามรายงานจาก Times Online บอกว่า 10 เมืองใหญ่ที่ค่าจอดรถแพงที่สุดในโลก มีดังนี้



1. London City ราคาค่าจอดรถโดยเฉลี่ยของ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คือ 749.79 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 42,000 บาท) ถ้าเราจอดรถที่ Knightbridge,Pavilion Road ใกล้ๆกับห้าง Harrods เป็นเวลา 6 ชั่วโมงจะต้องเสียค่าจอดรถทันที 2,400 บาท
2. London, West End  สำหรับแถบ West End ในกรุงลอนดอน ราคาค่าจอดรถจะถูกกว่าเล็กน้อย คือ 729.71 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 40,000 บาท)
3.  Sydney ราคาค่าจอดรถโดยเฉลี่ยของ Sydney ประเทศออสเตรเลีย คือ 497.8 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 27,500 บาท)
4.  Hong Kong ความจอแจแออัดของ Hong Kong แน่นอนว่าค่าจอดรถต้องแพงติดอันดับโลกแน่ๆ ค่าจอดรถเฉลี่ยต่อเดือนใน Hong Kong ก็คือ 477.17 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 26,250 บาท)
5. Brisbane เมืองใหญ่อีกเมือกของออสเตรเลีย ก็มีค่าจอดรถที่แพงมากคือเฉลี่ยแล้วประมาณเดือนละ 380.23 ปอนด์ต่อเดือน (21,000 บาท)
6. New York เมืองธุรกิจการเงินของสหรัฐอเมริกา มีค่าจอดรถเฉลี่ยต่อเดือน 375.97 ปอนด์ (ประมาณ 20,600 บาท)
7. Tokyo เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ค่าจอดรถเฉลี่ยแล้วเดือนละ 354.8 ปอนด์ (ประมาณ 19,500 บาท) ที่โตเกียว จะหาที่จอดรถได้ยากมาก จนรัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดว่าผู้ซื้อรถต้องพิสูจน์ได้ว่ามีสถานที่จอดรถเป็นของตน เอง เว้นแต่จะเป็นรถที่มีขนาดไม่เกิน 660 cc และความยาวไม่เกิน 3.4 เมตร
8. Perth ประเทศออสเตรเลีย ค่าจอดรถเฉลี่ยเดือนละ 331.99 ปอนด์ (ประมาณ 18,250 บาท)
9. Stockholm เมืองหลวงของประเทศสวีเดน รัฐบาลสวีเดนรณรงค์ให้ประชาชนทิ้งรถไว้ที่บ้าน เมื่อต้องเข้าเมือง ด้วยการสร้างระบบขนส่งมวลชนอย่างทั่วถึง การเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงต้องเสียค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น  ค่าจอดรถใน Stockholm เฉลี่ยประมาณเดือนละ (18,000 บาท)
10. Dublin เมืองหลวงของไอร์แลนด์  ราคาค่าจอดรถเฉลี่ยเดือนละ 326.44 ปอนด์ (ประมาณ 18,000 บาท)

ที่มา: http://timesbusiness.typepad.com/money_weblog/2008/11/top-ten-most-ex.html

Saturday, November 22, 2008

Billboard Hot 100 Chart 50th Anniversary: สุดยอดเพลงสากลในรอบ 50 ปี

เมื่อเอ่ยถึง Billboard ผู้ที่นิยมฟังเพลงสากลจะรู้ทันที่ว่าหมายถึง สถาบันจัดอันดับเพลงยอดนิยมของทางสหรัฐอเมริกา ที่ทรงอิทธิพลและได้รับความเชื่อถือมาก  ปีนี้เป็นปีที่ 50 ที่ Billboard ได้จัดอันดับ 100 เพลงยอดนิยมประจำสัปดาห์  ทาง Billboard ก็เลยรวบรวมสถิติเพลงยอดนิยมเหล่านี้ นับตั้งแต่จำนวนสัปดาห์ที่อยู่ใน chart อันดับสูงสุดที่เพลงได้รับการจัดอันดับ และระยะเวลากี่สัปดาห์ที่อยู่ในอันดับ 1 ของ Chart

หลังจากรวบรวมก็นำมาคัดให้ได้สุดยอดเพลง 100 เพลงจากสถิติการขึ้นอันดับ Billboard HOT 100 Chart ในรอบ 50 ปี  ทุกๆ เพลงล้วนเป็นเพลงยอดนิยมที่คุ้นหูคอเพลงสากลบ้านเราเป็นอย่างดี  มีทั้งเพลงเก่า เพลงกลางเก่ากลางใหม่ และเพลงในยุคปัจจุบัน  จากนักร้องเพลงสากลระดับ Big Name  เช่น The Beatles, Elvis Presley, Madonna, Rod Stewart, Elton John, Olivia Newton John ฯลฯ  เกือบทุกเพลงมี Video จาก Youtube ให้เราเปิดชมและฟังเพลงกันอย่างจุใจ

ลองนึกถึงเพลงสากลที่เราชอบที่สุดในใจ แล้วมาลุ้นกันว่าอยู่ใน Billboard HOT 100 Chart หรือเปล่า?

http://www.billboard.com/bbcom/specials/hot100/charts/top100-titles-00.shtml

Friday, November 21, 2008

ในที่สุด เวลาในการ Boot เครื่อง Computer ก็ถึงศาล

แน่นอนว่าพวกเราที่ใช้ Computer ทุกคนล้วนแต่ต้องการให้ Computer ของเราสามารถ Boot และ Shut Down ได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นที่รู้ๆ กันว่า Windows Xp ใช้เวลาในการ Boot เครื่องนานพอสมควร ยิ่ง Windows Vista แล้วใช้เวลาในการ Boot นานกว่า Windows XP เสียอีก  ผู้ใช้ Computer ต้องเสียเวลาวันละหลายๆ นาทีไปกับการเปิดเครื่องและปิดเครื่อง

ปัญหานี้กลายเป็นเรื่องฟ้องร้องถึงศาลกันแล้ว  ในสหรัฐอเมริกา มีหลายๆ บริษัทคิดค่าแรงสำหรับพนักงานที่ทำงานโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก โดยติดจากเวลาที่คอมพิวเตอร์เริ่ม Log in จนถึงเวลา click ปุ่ม  Shut Down เท่านั้น ข่าวจาก website  Gismodo   บอกว่าพนักงานในหลายๆ บริษัทคิดว่าไม่เป็นธรรม ควรจะต้องเริ่มคิดตั้งแต่เวลากดปุ่ม Start เครื่อง จนถึงเวลา เครื่องทำการ Shut Down เรียบร้อย เนื่องจาก Computer ใช้เวลาหลายๆ นาทีสำหรับการ Boot เครื่อง เมื่อรวมๆ กันเข้าเดือนๆ หนึ่งคำนวณเป็นเงินค่าแรงก็เป็นจำนวนมากโขอยู่ และระหว่างเวลารอ Boot เครื่องพนักงานก็ตระเตรียมทุกอย่างเพื่อรอเริ่มงานทันที  ในขณะที่นายจ้างก็บอกว่าระหว่างเวลาที่รอ Boot เครื่อง พนักงานใช้เวลาไปกันการคุยกันระหว่างพนักงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานแต่อย่างใด  และการเสียเวลาในการ Boot เครื่องไม่ใช่ความผิดของนายจ้างแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นความล่าช้าของระบบปฏิบัติการใน Computer เอง

เรื่องทั้งหมดก็ต้องรอให้ศาลที่สหรัฐอเมริกาเป็นคนตัดสินว่าจะจบอย่างไร  พนักงานที่ฟ้องนายจ้างก็เป็นพนักงานของบริษัทใหญ่เช่น AT&T, United Health และ Cigna เป็นต้

Thursday, November 20, 2008

Top Earnings Supermodels

สินค้าที่เกียวข้องกับเรื่องความสวยความงามและ lifestye มักจะต้องอาศัยนางแบบระดับ Supermodels และเมื่อพูดถึง Supermodels แน่นอนว่าค่าตอบแทนในการถ่ายแบบแต่ละครั้งสูงมาก  เรามาดูรายได้ของ  16 Supermodels ที่แพงที่สุดในโลก ในขณะนี้กัน เริ่มจากลำดับท้ายไปยังอันดับแรกครับ

16. Liya Kebede นางแบบชาวเอธิโอเปีย วัย 30 ปี รายได้จากการถ่ายแบบเดินแบบเฉพาะปี 2007 ของเธออยู่ที่ $1.5 ล้าน เหรียญ ( ประมาณ 52 ล้านบาท)




15. Hilary Rhoda นางแบบวัย 21 ปีชาวสหรัฐอเมริกา ใบหน้าของเธอเป็นแบบโฆษณาของ Estee Lauder เครื่องสำอางชื่อดัง  รายได้ต่อปีของเธออยู่ที่ $2ล้านเหรียญ (ประมาณ 70 ล้านบาท)




14.  Valentina Zelyaeva  เธอเป็นนางแบบโฆษณาสินค้า L'Oreal และ Ralph Lauren ด้วยสัญญา $2.3 ล้านเหรียญ  (ประมาณ 80 ล้านบาท) เธอเป็นชาวรัสเซีย







13. Selita Ebanks นางแบบวัย 25 ปี เกิดที่ Cayman รายได้จากการเดินแบบถ่ายแบบเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ $2.7 ล้านเหรียญ (ประมาณ 95 ล้านบาท)



12. Gemma Ward เธอเป็นทั้งนักแสดงและนางแบบจากประเทศออสเตรเลีย เป็นนางแบบที่เป็นที่กล่าวถึงกันมากในขณะนี้ เธอมีสัญญาถ่ายแบบกับ สินค้า Brand Name ชื่อดังเช่น Dior, Dolce & Gabbana, Karl Lagerfeld, Louis Vouitton ทำให้เมื่อปีที่ผ่านมาเธอมีรายได้ถึง$3 ล้านเหรียญ(ประมาณ 105 ล้านบาท)




11.  Isabeli Fontana  นางแบบชาวบราซิล เมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่อนข้างเงียบเหงาสำหรับนางแบบผู้นี้ เนื่องจากเธอใช้เวลาในการดูแลลูกคนที่สองที่เพิ่งคลอดของเธอ ขนาดเงียบๆ เธอมีรายได้เมื่อปีที่ผ่านมาประมาณ $3 ล้านเหรียญ (ประมาณ 105 ล้านบาท)




10.  Miranda Kerr  นางแบบสาวสวยชาวออสเตรเลีย กำลังเป็นข่าวว่าเป็นคู่เดทกับดาราชื่อดัง Orlando Bloom เมื่อปีที่ผ่านมาเธอมีรายได้จากการถ่ายแบบเดินแบบ $3.5ล้านเหรียญ (ประมาณ  122 ล้านบาท)




9. Daria Werbowy นางแบบวัย 24 ปี ชาวแคนาดาผู้นี้เป็นแบบให้กับ Lancome และยังมีสัญญาถ่ายแบบกับ  Chanel, Versace, H&M  ทำให้ในปีก่อนเธอมีรายได้ถึง $3.8 ล้านเหรียญ (ประมาณ 133 ล้านบาท)




8. Carolyn Murphy นางแบบวัย 35 ปีจากสหรัฐอเมริกาผู้นี้ เป็นแบบให้กับ Estee Lauder และสินค้าชื่อดังอีกหลายรายการ รายได้รวมของเธอเมื่อปีก่อนสูงถึง $4.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ  157 ล้านบาท)





7.  Natalia Vodianova  เธอเป็น Supermodel จากรัสเซีย ด้วยวัย 26 ปีและมีบุตร 3 คน เป็นนางแบบประจำของ Calvin Klein และยังถ่ายแบบให้ กับ Versace, Chanel เธอมีรายได้เมื่อปีก่อน $4.8 ล้านเหรียญ (ประมาณ 168 ล้านบาท)





6.  Karolina Kurkova  นางแบบวัย 24 ปีจากรัสเซียผู้นี้เป็นนางแบบมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เธอเป็นนางแบบประจำของ Victoria Secret เมื่อปีที่ผ่านมาเธอได้เงิน $5ล้านเหรียญ (175 ล้านบาท) จากการถ่ายแบบ




5.  Doutzen Kroes นางแบบระดับ Supermodel ผู้นี้เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ อายุ 23 ปี เธอเป็นนางแบบคนล่าสุดของ Victoria Secret และยังถ่ายแบบให้สินค้าอย่าง Calvin Klein และ L'Oreal รายรับเมื่อปีที่ผ่านมาของเธอสูงถึง $6 ล้านเหรียญ (ประมาณ 210 ล้านบาท)




4. Adriana Lima ด้วยวัย 27 ปี สาวจากบราซิลผู้นี้ ทำรายได้จากการเป็นนางแบบเมื่อปี 2007  ถึง $7ล้านเหรียญ (ประมาณ 245 ล้านบาท) ใบหน้าของเธอเป็นแบบของ เครื่องสำอาง Maybelline และเป็นนางแบบประจำของ Victoria's Secret




3. Kate Moss  นางแบบชาวอังกฤษวัย 34 ปีผู้นี้ตกเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งมีผลกระทบกับอาชีพนางแบบของเธอ ทำให้เธอสูญเสียสัญญากับสินค้า Brand Name ไปมากพอสมควร อย่างไรก็ตามเธอยังมีรายได้จากการถ่ายแบบเดินแบบและขายเสื้อผ้าติดตรา Kate Moss รวมกันเมื่อปีก่อนถึง $7.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 262 ล้านบาท)




2. Heidi Klum  นางแบบและดาราภาพยนตร์ วัย 34 ปีผู้นี้มีรายได้จากการแสดงภาพยนตร์และงานถ่ายแบบกับ Victoria's Secret เมื่อปีที่ผ่านมา $14 ล้านเหรียญ (490 ล้านบาท)  Heidi Klum สมรสแล้วและมีบุตร 3 คน





1. Gisele Bundchen นางแบบชาวบราซิล วัย 27 ปี เป็นผู้มีรายได้สูงที่สุดในจำนวน Supermodels ทั้งหมด โดยปี 2007 ที่ผ่านมาเธอมีรายได้จากการถ่ายแบบ เดินแบบ และผลิตภัณฑ์รองเท้าภายใต้ชื่อของเธอ รวม 35 ล้านเหรียญ (1,225 ล้านบาท) ถึงแม้เมื่อปีที่ผ่านมาเธอเลิกเป็นแบบให้กับ Victoria's Secret แล้วก็ตาม แต่เธอยังเป็นนางแบบให้กับ สินค้า Brand Name ดังๆ อย่าง Kudos, Gisele


Wednesday, November 19, 2008

How To Remove Your T Shirt Instantly, ถอดเสื้อยืดในพริบตา

ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีวิธีที่ เราสามารถถอดเสื้อยืดคอกลมได้เร็วขนาดนี้มาก่อนจริงๆ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งด่วน

Tuesday, November 18, 2008

Cosmetic Surgery Addict: ระวัง! เสพติดทำศัลยกรรม

ปัจจุบันนี้ ชายและหญิงหลายๆ คน พร้อมที่จะทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง ด้วยความเชื่อว่าการทำศัลยกรรมจะช่วยให้ตนเองดูดีขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง  แต่ก็ยังมีชายและหญิงจำนวนมากที่เชื่อว่าการปรับปรุงบุคคลิก แต่งหน้าทาปาก และการแต่งกาย  ก็สามารถทำให้ตนเองดูดีขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยมีดหมอ

มีเรื่องที่น่าตกใจที่อยุ่ใน website ของ Telegraph เป็นเรื่องของหญิงชาวเกาหลีผู้หนึ่ง ที่เกิดอาการหลงไหลการทำศัลยกรรม เธอทำศัลยกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ใบหน้าที่สวยงามมากๆ ของเธอเปลี่ยนสภาพเป็นดูไม่ได้ (ตามภาพ)

หญิงชาวเกาหลีผู้นี้ชื่อว่า Hang Mioku ปัจจุบันนี้อายุได้ 48 ปีแล้ว  เธอเริ่มทำศัลยกรรมครั้งแรกเมื่ออายุ 28 ปี  หลังจากศัลยกรรมครั้งแรกผ่านไป เธอเกิดความคิดว่าที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีเทคโนโลยี่ก้าวหน้า น่าจะทำให้เธอยิ่งดูงดงามขึ้นกว่าเดิม เธอตัดสินใจย้ายไปตั้งหลักแหล่งที่ญี่ปุ่นเพื่อทำศัลยกรรม ที่ประเทศนี้เธอทำศัลยกรรมหลายๆต่อหลายครั้ง ส่วนใหญ่ที่บริเวณใบหน้า  หลังการผ่าตัดผ่านไปหลายๆ ครั้ง ใบหน้าของเธอเริ่มขยายใหญ่โตและบิดเบี้ยวผิดรูปร่างไป  แต่ในความรู้สึกของ Hang Mioku เมื่อส่องกระจกกลับคิดว่าใบหน้าของเธอยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดแพทย์ผู้ทำศัลยกรรมใบหน้าให้เธอ ต่างพากันปฏิเสธที่จะผ่าตัดเสริมความงามให้เธออีกต่อไป และมีศัลยแพทย์ผู้หนึ่งบอกว่าเธอมีภาวะผิดปกติในจิตใจ ที่ ต้องการจะทำศัลยกรรมอยู่ตลอดเวลา

Hang Mioku ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่เกาหลี  เมื่อกลับถึงบ้านแทบไม่มีใครจำเธอได้เนื่องจากใบหน้าที่บวมเป่ง เปลี่ยนไปเป็นคนละคน  พ่อแม่ของ Hang Mioku ตัดสินใจพาลูกสาวไปพบแพทย์ในทันที  นายแพทย์ก็คาดว่าเธอจะมีปัญหาทางจิตที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมอยู่ตลอดเวลา  และเริ่มให้ยาเพื่อทำการรักษาอาการของเธอ  แต่เนื่องจากค่ารักษาที่แพงมากจนสู้ค่ายาไม่ไหว สุดท้าย Hang Mioku ก็กลับไปสู่วังวนเดิมๆ คือทำศัลยกรรมใบหน้า

เป็นคราวเคราะห์ของ Hang Mioku เมื่อเธอได้พบกับศัลยแพทย์ผู้หนึ่งที่ยินยอมฉีดซิลิโคนที่ใบหน้าให้กับเธออีก ซ้ำร้ายกว่านั้นถึงกับให้เข็มฉีดยาและซิโลโคนเพื่อให้เธอสามารถฉีดได้ด้วยตนเอง  เมื่อซิลิโคนหมด Hang Mioku ใช้น้ำมันสำหรับปรุงอาหารแทนซิลิโคนฉีดเข้าไปในใบหน้าของเธอเอง

ข่าวของ Hang Mioku ถูกนำเสนอใน TV ของเกาหลี ซึ่งผู้เห็นใจสงสารเธอต่างพากันบริจาคเงินเพื่อ ให้เธอได้มีโอกาสผ่าตัดเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนใบหน้าและที่ไหลไปกองอยู่ที่บริเวณลำคอ  การผ่าตัดครั้งแรกแพทย์สามารถผ่าเอาสิ่งแปลกปลอม 60 กรัมจากใบหน้าและ 200 กรัมจากบริเวณลำคอของเธอ

หลังการผ่าตัดผ่านไปหลายครั้งใบหน้าของเธอลดขนาดลงมาก แต่ยังคงผิดรูปทรงและมีแผลเป็นอยู่ (ตามภาพ)




ถึงตอนนี้ Hang Mioku บอกว่าถ้าเป็นไปได้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คือใบหน้าดั้งเดิมก่อนทำศัลยกรรม!

Monday, November 17, 2008

How to Fold Pocket Handkerchief : ผ้าเช็ดหน้าประดับเสื้อสูท

ในโอกาสที่ต้องร่วมในงานสังคมที่เป็นทางการ  การใส่สูทผูกไทเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก  นอกจากนี้บางคนยังเพิ่มบุคคลิกภาพให้กับตนเอง ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่พับอย่างสวยงามไว้ในกระเป๋าหน้าอีกด้วย (ตามภาพ)



วิธีการพับผ้าเช็ดหน้าให้ได้แบบที่เห็นในรูปไม่ใช่เรื่องยากครับ  พวกเราสามารถทำตามขั้นตอนที่ผม post รูปไว้ได้เลย  ถ้าดูจากภาพอาจจะทำให้สับสนว่าพับอย่างไร  ขอแนะนำว่าให้นำผ้าเช็ดหน้าของเราคลี่มาลองทำตามขั้นตอน  ก็จะทำได้แน่นอน  ฝีกทำหลายๆ ครั้ง ก็จะดูดีขึ้นเรื่อยๆ   โดยปกติเราจะใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวหรือสีอื่นๆ ที่ดูดีก็ได้ แต่ไม่แนะนำผ้าเช็ดหน้าที่มีลวดลายครับ





 
  
 
  
 

Sunday, November 16, 2008

What To Do If Being Laid Off?

ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ทำให้การใช้ชีวิตของทุกคนตกอยู่ในความไม่แน่นอน  รวมถึงมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราหลายๆ คน  การตกงานเนื่องจากการปิดกิจการและการถูก Lay Off มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเวลา ถ้าหากเหตุกาณ์นี้เกิดขึ้นกับพวกเรา(สมมุตินะครับ) พวกเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร


ผมมีข้อแนะนำดีๆ จาก http://www.getrichslowly.org/blog/2008/03/18/what-to-do-if-youre-laid-off/ มาฝากพวกเราครับ

1. Don’t take it personally การตกงานเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน ด้วยสารพัดเหตุผล ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถและผลงานของเรา  อย่าทำให้การตกงานลดทอนความเชื่อมั่นในตัวของเรา

2. Don’t panic  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน อาจทำให้เรารู้สึกเหมือนโลกใบนี้กำลังจะแตก  แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทำใจให้สงบและตั้งสติ รวบรวมพละกำลังและสติปัญญาเดินหน้าสู้ต่อไป

3. Maintain network connections  ติดต่อกับผู้รู้หรือคนในแวดวงของเราเพื่อขอคำแนะนำ  เราอาจมีโอกาสได้งานชิ้นใหม่ ถ้าหากไม่ได้งานอย่างน้อยก็จะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์

4.  Buckle down financially  เมื่อต้องอยู่ในสภาวะว่างงาน สิ่งสำคัญลำดับแรกก็คือการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด  ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป วางแผนการใช้เงินอย่างรัดกุม หรือพูดง่ายๆก็คือ ประหยัด

5. Job hunt methodically  พิจารณางานชิ้นใหม่อย่างมีเหตุผล อย่าผลีผลามจนเกินไป เลือกงานที่มั่นคงและถ้าเป็นไปได้เป็นงานที่เราชอบ

6. Be open to change  สิ่งสำคัญสำหรับคนว่างงานอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในชีวิต เช่นอาจต้องย้ายที่พัก ให้ใกล้กับที่ทำงานใหม่ หรืออาจต้องเปลี่ยนสายงานใหม่  ถ้างานที่เราทำอยู่เริ่มตกยุคแล้ว (เช่นทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตเสาอากาศโทรทัศน์)

7. Consider  ระหว่างยังหางานไม่ได้ ลองทำงานที่เป็นลักษณะ freelance อย่างน้อยก็มีรายได้ที่จะรับมือกับค่าใช้จ่ายของเรา  ระหว่างตกงานยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราในการพิจารณาว่า จะยังคงสถานะของลูกจ้างไว้ หรือจะผันตัวเองไปเป็นเจ้าของกิจการ (ซึ่งแน่นอนว่าหนื่อยสุดๆ เหมือนกัน)

Saturday, November 15, 2008

Sexy Woman Picstures Give Men Body-Blue

ผลการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่า ผู้หญิงที่ได้ชมภาพ sexy นุ่งน้อยห่มน้อยของนางแบบหุ่นดี บ่อยจนเกินไป จะมีผลเสีย ส่งผลกระทบต่อจิตใจทำให้รู้สึกเป็นห่วงรูปร่างของตนเอง และเกิดความวิตกกังวลหวาดระแวงเกินเหตุว่า ผู้คนกำลังสนใจในรูปร่างของตนเองอยู่ตลอดเวลา  แต่จากผลการสำรวจล่าสุดยังพบอีกว่า ผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดกับเพศหญิงเท่านั้น  แต่ยังส่งผลกระทบลักษณะเดียวกันต่อเพศชายด้วย


การสำรวจในกลุ่มผู้ชายทำโดยการ ให้อ่านและชมภาพในนิตยสารสำหรับผู้ใหญ่เช่น FHM และ Maxim ปรากฎว่าไม่มีผลกระทบต่อระดับฮอร์โมน Testosterone (ฮอร์โมนเพศชาย) อย่างผิดสังเกตุ แต่เมื่อทดสอบว่าการอ่านหนังสือประเภทนี้ ทำให้ผู้ชายเหล่านี้มีความเป็นห่วง หรือรู้สึกหวาดระแวงเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตนเองหรือไม่  Jennifer Aubreyผู้ช่วยศาสตราจารย์ใน  University of Missouri บอกว่า ตามรายงานชายในกลุ่มทดลองนี้ เริ่มเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าของตนเองในปีถัดไป

Jennifer Aubrey คาดว่าการชมภาพวาบหวิวของสาวสวย เป็นการกระตุ้นความคิดว่าถ้าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสาวสวยหุ่น sexy ผู้ชายต้องมีรูปร่างหน้าตาที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นผลให้เกิดภาวะวิตกกังวลหวาดระแวงว่า กำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นตามมา 

แต่ผมคิดว่าผู้ชายส่วนใหญ่ ก็คงพร้อมจะรับความเสี่ยงกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น?

http://newslite.tv/2008/11/07/looking-at-sexy-women-gives-me.html

Friday, November 14, 2008

Worst Breakup Excuses: ข้อแก้ตัวแย่ๆ เวลาจะเลิกกัน

การคบหาเป็นแฟน หรือคู่รัก แล้วก็เลิกคบกันไปง่ายๆ เป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดาสำหรับสังคมยุคนี้ ลองมาดูข้อแก้ตัว และข้ออ้างเวลาต้องเลิกกับแฟน ซึ่งดูค่อนข้างแย่ แต่ก็เป็นคำแก้ตัวยอดนิยมที่ใช้กันทั่วๆ ไป




16. หายหน้าไปเฉยๆ เกิดเจอกันจังๆ ก็ทำเป็นไม่รู้จัก แถมยังพูดให้เจ็บใจว่า"ขอโทษ..เราเคยรู้จักกันหรือเปล่า"
15. "ขอโทษ เราเพิ่งค้นพบว่า การอยู่คนเดียวมีความสุขกว่า"
14. "หมอบอกว่าเราเป็นโรคติดต่อร้ายแรง"
13. "อายุเราแตกแต่งกันเกินไปที่จะคบกันจริงจัง"
12. "เราไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย รสนิยมของเราไปด้วยกันไม่ได้"
11. จาก "บอบบางน่าทะนุถนอม" กลายเป็น "อ่อนแอบอบบางเกินไป"
10. "เราเพิ่งพบค้นตัวตนของเราว่า ความจริงเราเป็นเกย์ (ทอม)"
9. "เดี๋ยวนี้ เราไม่ชอบจะมี sex กับใคร"
8. "ฐานะของเราต่างกันเกินไป"
7. "ไอ้หนูของผมมันไม่ทำงานซะแล้ว"
6. "ความรู้สึกดีๆ ระหว่างเรามันหมดไปแล้ว"
5. "เดี๋ยวนี้ธุระมากจริงๆ เราไม่มีเวลาจะพบกันเหมือนเดิมแล้ว"
4. "สาเหตุทั้งหมดไม่ได้เกิดจากคุณ ทุกอย่างเป็นเพราะผม(ชั้น) คนเดียว"
3. "คุณมันเป็นอสรพิษ"
2. "คุณเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่ฉันเคยรู้จัก"
1. "เราเลิกคบกันเถอะ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้"

ตีความจาก http://www.misscellania.com/miss-cellania/2008/11/12/the-16-worst-breakup-excuses.html

Thursday, November 13, 2008

The Ultimate Color Test: ทำนายนิสัยจาก shade สีที่เลือก

หลายๆ คนเชื่อกันว่า สีที่เราชอบสามารถบ่งบอกตัวตนและนิสัยของเราได้ ถ้าสนใจจะทดสอบว่าสีบอกได้ขนาดนั้นจริงหรือไม่  ก็ลอง click ที่: http://www.blogthings.com/theultimatecolortest/

เพียงเลือก shade สีที่ถูกใจเรามากที่สุดของสีหลัก 5 สี คือ น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง และม่วง แล้วอ่านคำทำนายดูว่าตรงกับตัวตนของเราจริงหรือเปล่า?






The Ultimate Color Test





When you are at peace, you are: Thoughtful and sensitive

When you are moved to act, you are: Giving and warm

When you are inspired, you are: Flexible and experimental

When your life is perfectly balanced, you are: Connected to nature and the world

Your life's purpose is: To change the world

Wednesday, November 12, 2008

Filing for Your Computer: จัดระบบไฟล์ในคอมพิวเตอร์ เพิ่มประสิทธภาพในการทำงาน

โดยปกติเราจะเก็บไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของเราไว้ในโฟลเดอร์ โดยแยกเก็บตามประเภทของไฟล์เป็นหลัก เช่นไฟล์ภาพ ไฟล์ mp3 ไฟล์วิดิโอ ฯลฯ  บางคนก็อาจจะเก็บเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะการใช้งาน แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน  แต่ปัญหามักจะเกิดขึ้นเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ก็จะมีไฟล์ที่ไม่ได้ถูกจัดเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ตามหมวดหมู่ที่เรากำหนดไว้  กระจัดกระจายอยู่ที่หน้า Desktop, ใน My Documents หรือที่อื่นๆ  เวลาต้องใช้งานขึ้นมา ก็ต้องเสียเวลาค้นหาไฟล์เที่เราต้องการ  บางครั้งตัวเราเองยักนึกไม่ออกว่า ไฟล์ที่ต้องการใช้งานอยู่ที่ไหน มีที่มาอย่างไร และใช้สำหรับงานอะไร   ลักษณะที่เกิดขึ้นก็คล้ายกับที่เกิดขึ้น บนโต๊ะทำงานที่ไม่ได้มีการจัดเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ ก็จะมีเอกสารมากมายปะปนกันอยู่ทำให้การทำงานไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร

วิธีแก้ไขปัญหาไฟล์กระจัดกระจายไม่เป็นที่เป็นทางที่ดีที่สุด ก็คือเราต้องเก็บไฟล์เหล่านี้ รวมทั้ง set location สำหรับไฟล์ที่มาจากการ download ทั้งหมด ไว้ในที่เดี่ยวเท่านั้น   เช่นใน My Documents หลังจากนี้เมื่อเราต้องการ manage ไฟล์เหล่านี้ก็หาได้จากใน My Documents ทันที

แต่สำหรับพวกเราที่มีไฟล์ที่ต้อง manage จำนวนมากๆ ในแต่ละวัน ลองนำเอาวิธีที่ผมใช้ในคอมพิวเตอร์ไปทดลองใช้ หรือดัดแปลงให้เหมาะกับการทำงานดูได้ครับ (วิธีนี้ดัดแปลงมาจากหนึ่งในวิธีการการทำ Filing  ในสำนักงาน)

1.  สร้าง Folders จำนวน 6 Folders การตั้งชื่อ Folder ให้ใส่หมายเลข ไว้ก่อนหน้าชื่อ เพื่อสะดวกในการใช้งาน หรือจะใส่สีให้แต่ละ Folder ด้วยก็ได้ โดยใช้โปรแกรม Iconfolder

Folder หมายเลข 1 ทำหน้าที่เหมือนตู้รับไฟล์ทั้งหมด
Folder หมายเลข2 สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องดำเนินการต่อให้เสร็จในระยะสั้นๆ  เข่นงานพิมพ์ที่ค้างอยู่ รูปภาพประกอบการเขียน blog
Folder หมายเลข3 สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องทำต่อเนื่องใช้เวลาค่อนข้างมาก เช่น งาน Project ต่างๆ
Folder หมายเลข4 สำหรับเก็บไฟล์ที่ยังไม่ได้ใช้งานในขณะนี้ เช่น  ebooks ที่ download มา, application และคู่มือที่ต้องการศึกษาก่อนติดตั้ง
Folder หมายเลข 5 สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องใช้งานเป็นประจำ เช่นแบบฟอร์มสำหรับพิมพ์งาน
Folder หมายเลข 6 สำหรับเก็บไฟล์ที่ดำเนินการเสร็จแล้ว และรอการจัดเก็บ




2.  ทุกๆ วันก่อนปิดเครื่องให้เรา move ไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ใน MyDocuments ไปไว้ใน Folderหมายเลข 1

3.  เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน เมื่อใด ให้เปิด Folder หมายเลข 1 ทำการตรวจสอบว่า มีไฟล์ใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้ให้ลบทิ้งทันที  ไฟล์ที่สามารถจัดเก็บได้เช่นไฟล์ภาพที่ download มาทำ scrrensaver ก็ move ไปไว้ที่ Folder หมายเลข 6, Ebook ที่ download มาแต่ยังไม่มีเวลาอ่าน ก็จัดการ move ไปที่ Folder หมายเลข 4, ไฟล์สำหรับงาน Project ก็ move ไปที่ Folder หมายเลข3, ส่วนไฟล์สำหรับงานที่ต้องทำให้เสร็จในระยะสั้นๆ ก็ย้ายไปไว้ที่ Folder หมายเลข2

4. เมื่อเสร็จงานใน Folder 2,3, หรือ 4 ในแต่ละครั้ง ให้ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้วทิ้งไป ส่วนไฟล์ที่ต้องการจัดเก็บก็ move ไปไว้ที่ Folder หมายเลข6

5. ทุกๆ สัปดาห์เปิด Folder หมายเลข 6 ตรวจสอบไฟล์ทั้งหมดอีกครั้ง และทำการ move ไฟล์ไปยัง Folder ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนกับยุ่งยาก  แต่เมื่อลงมือปฎิบัติจริงๆ ใช้เวลาไม่เกินวันละ 10 -15 นาทีก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย นับจากนี้ไป เราก็จะไม่มีปัญหาในการจัดเก็บไฟล์, หาไฟล์ไม่เจอ หรือลืมทำงานที่เกี่ยวข้องกับไฟล์อีกต่อไป

Monday, November 10, 2008

The World's Wealthiest Politicians: สิบนักการเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

เวลาได้ยินข่าวความร่ำรวยของนักการเมือง คิดว่าพวกเราคงนึกสงสัยว่า รวยๆ กันขนาดนี้เงินทองมาจากที่ไหน ทำมาหารับประทานกันอย่างไร  และในโลกนี้จะมีนักการเมืองที่มีฐานะ ระดับอภิมหาเศรษฐีแบบนี้สักกี่คน คำตอบก็คือทั่วโลกเรามีนักการเมือง ที่เข้าข่ายอภิมหาเศรษฐีมากมายจริงๆ  และต่อไปนี้ก็เป็น 10 นักการเมืองที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลกขณะนี้ (ทรัพย์สินคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐ  ถ้าพวกเราอยากคิดเป็นเงินบาทก็คุณด้วย 35)

1. Suleiman kerimov  นักการเมืองขวาจัดของรัสเซียวัย 42 ปี ผู้นี้มีหุ้นอยู่ใน Gazprom ผู้ส่งออกก๊าซรายใหญ่ของรัสเซีย และ Sbebank ธนาคารใหญ่ในยุโรปตะวันออก ทรัพย์สินโดยประมาณของเขาอยู่ที่ $17.5 พันล้านเหรียญ

2. Michael Bloomberg  ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค วัย 66 ปี ได้เงินหลายหมื่นล้านบาทจากการขายธุรกิจ Bloomberg และเคยบริจาคเงินห้าหมื่นล้านบาทเพื่อการกุศล นอกจากนี้ยังรับเงินเดือนเพียงปีละ 1 เหรียญจากการเป็นผู้ว่าการรัฐ  เขามีทรัพย์สินประมาณ  $11.5 พันล้านเหรียญ

3. Serge Dassault  นักการเมืองในพรรค UMP ซึ่งมี Nicolas Sarkozy ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสเป็นหัวหน้าพรรค เขาเป็นเจ้าของธุรกิจการบินในฝรั่งเศส และมีทรัพย์สินประมาณ  $9.9 พันล้านเหรียญ

4. Silvio Berlusconi นายกรัฐมนตรีขาวอิตาลีผู้นี้นอกจากเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล AC Milan แล้วยังเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมหลายอย่างในอิตาลี จนได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าพ่อของวงการโทรคมนาคม  เขามีทรัพย์สินประมาณ  $9.4 พันล้านเหรียญ

5. Aburizal Bakri ได้รับตกทอดกิจการน้ำมันและกีาซจากบิดา ทุกวันนี้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลอินโดนีเซีย และถูกกล่าวว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง Conflict of Interest   เขามีทรัพย์สินประมาษ $9.2 พันล้านเหรียญ

6. Rinat Akhmetov  สมาชิกพรรคฝ่ายค้านของ Ukrain  เขาเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยที่สุดของยูเครน จากธุรกิจเหล็กกล้าและเหมืองถ่านหิน มีทรัพย์สินประมาณ $7.3 พันล้านเหรียญ

7.  Andrei Molchanov  ด้วยวัยเพียง 37 ปี เขาทำหน้าที่เป็นผู้แทนอยู่ในสภาสูงของรัสเซีย  ทำธุรกิจใหญ่โตเกี่ยวกับการก่อสร้าง เขาเป็นบุตรบุญธรรมของ Yury Molchanov ผู้ช่วยผู้ว่าการ St. Petersburg ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกับ Vladimir Putin  เขามีทรัพย์สินอยู่ประมาณ   $4 พันล้านเหรียญ

8. Gleb Fetisov เขาศึกษาจบระดับปริญญาเอกจาก  Moscow State University เป็นเจ้าของธุรกิจการค้าหลายแห่ง ทำหน้าที่ผู้แทนในสภาของรัสเซีย มีทรัพย์สินประมาณ  $3.9 พันล้านเหรียญ

9.  Kostyantin Zhevago วัย 34 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานาธิบดี  Yulia Tymoshenko แห่งประเทศยูเครน เขามีทรัพย์สินประมาณ  $3.4 พันล้านเหรียญ

10. Saad Hariri เขาเป็นบุตรชายรวมทั้งเป็นทายาททางการเมืองของนายกรัฐมนตรี Rafik Hariri ของประเทศเลบานอน ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อไม่นานมานี้  เป็นเจ้าของกิจการก่อสร้าง ธนาคาร และโทรคมนาคมในเลบานอน  เขาสำเร็จการศึกษาจาก Georgetown University ใน Washington DC เชื่อว่าเขามีทรัพย์สินประมาณ $3.3 พันล้านบาท

ทั้งสิบคน นี้บางคนก็มีประวัติการเมืองที่ใช้ได้ แต่หลายๆ คนก็ดูไม่ค่อยดีนัก ส่วนเรื่องความร่ำรวยของแต่ละคน ถ้าคิดเป็นเงินไทย ก็รวยระดับเกินแสนล้านบาทขึ้นไปทั้งนั้น  แค่ดูตัวเลขก็คงตาลายแล้ว  คิดว่าเป็นความรู้สำหรับไว้พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ ก็แล้วกันครับ

 ที่ พวกเราเห็นในภาพเป็นภาพของ Michael Bloomberg ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค จากพรรค Democrat ซึ่งได้ขื่อว่ามั่งคั่งเป็นอันดับที่ 2 ในโลกของนักการเมือง

ที่มา: Money Central, Times online

Sunday, November 9, 2008

Modern Life, Each Step is Quicker: สังคมโลกสมัยใหม่ทำให้คนเราเดินเร็วขึ้น

ยิ่งโลกของเราพัฒนาไปมากเท่าใด การดำเนินชีวิตของคนเราก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปด้วย จากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่า ปัจจุบันนี้มนุษย์ทั่วโลกเดินเร็วกว่าเมื่อสิบปีก่อนมาก

ผลการวิจัยและทดลองใน 32 เมืองใหญ่ทั่วโลก พบว่าอัตราความเร็วในการเดินโดยเฉลี่ยของคนเราเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับผลการวิจัยเมื่อปี 1994 สำหรับสาเหตูที่คนเราเดินเร็วขี้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามาจากการพัฒนาของเทคโนโลยี่ใหม่ๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้คนมีกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เป็นผลให้มีความอดทนน้อยลง ส่งผลให้ speed การเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม

ความเร็วในการเดินเพิ่มขึ้นมากที่สุดกับคนในเมืองใหญ่ๆ ของทวีปเอเซียที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว เช่นในประเทศจีนและสิงคโปร์  ประชาชนของประเทศในเอเซียเหล่านี้ มีอัตราความเร็วในการเดินเพิ่มขึ้นระหว่าง 20-30% เมื่อเทียบกับการสำรวจในปี 1994

จากการสำรวจพบว่าคนในสิงคโปร์เดินเร็วที่สุดในโลก ส่วนอันดับสองได้แก่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ส่วนลอนดอน ประเทศอังกฤษ อยุ่ในอันดับที่ 12

Richard Wiseman จาก University of Hertfordshire ให้ความเห็นว่าความเร็วในการเดินเป็นเครื่องชี้ถึงการใช้ชีวิตของคนในเมืองนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ Robert Levine จาก California State University ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยเมื่อปี 1994 บอกว่าพบความเชื่อมโยงระหว่างความเร็วในการเดินที่เพิ่มขึ้นกับการลดน้อยลงของการช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม และอัตราที่เพิ่มขึ้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ

บทความนี้ได้มาจาก: http://www.timesonline.co.uk/tol/news/uk/science/article1733967.ece

Saturday, November 8, 2008

Most Valuable Fruits: สิบสุดยอดผลไม้ต้านโรค-อนุมูลอิสระ

อนุมูล อิสระเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคภัยอันร้ายกาจหลายอย่าง ตั้งแต่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ทำลายเนื้อเยื่อ ก่อให้เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ ฯลฯ

สาเหตุที่ทำให้เกิดอนุมูล อิสระนี้มีทั้งจากภายนอก อย่างมลพิษต่างๆ ควันบุหรี่ แสงแดด รังสีแกมมา คลื่นความร้อน และจากภายในร่างกาย ที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของออกซิเจนภายในเซลล์ หรือเกิดจากย่อยทำลายเชื้อแบคทีเรียของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ผล จากการวิจัยของกองโภชนาการ กรมอนามัย พบว่ามีสารสำคัญ 3 ชนิด ประกอบด้วย 
เบต้าแคโรทีน  ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการกลายพันธุ์ ในเซลล์  
วิตามินอี ช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระได้ 
วิตามินซี  ทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระในเซลล์ที่เป็นของเหลว ป้องกันการถูกอนุมูลอิสระทำลาย
ทั้งสามนี้มีฤทธิ์พิเศษที่สามารถทำลาย และต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้
 
วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ มีมากในผักผลไม้  ผลไม้ไทยๆ ของเราก็อุดมด้วยสารเหล่านี้เช่นกัน  จากการศึกษาสามารถจัดอันผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดังนี้

10 อันดับของผลไม้ที่อุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ได้แก่

มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
มะเขือเทศราชินี
มะละกอสุก 
กล้วยไข่ มะม่วงยายกล่ำ 
มะปรางหวาน 
แคนตาลูปเนื้อเหลือง
มะยงชิด 
มะม่วงเขียวเสวยสุก 
สับปะรดภูเก็ต
 
จาก การศึกษายังพบอีกด้วยว่า กล้วยในสายพันธุ์ต่างๆ ก็อุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน เช่น กล้วยไข่พม่า กล้วยงาช้าง กล้วยไข่โนนสูง กล้วยนางพญา กล้วยไข่ และกล้วยหักมุกนวล
จากการวิจัยยังว่า ผลไม้ประเภทเดียวกันแต่ต่างสีกัน อาทิ แคนตาลูปเหลืองกับแคนตาลูปเขียว หรือสับปะรดภูเก็ต ภูแล ศรีราชา  มีประสิทธิภาพและปริมาณ สารรต้านอนุมูลอิสระและเบตาแคโรทีนไม่เท่ากัน

10 อันดับผลไม้ที่อุดมไปด้วย วิตามินซี สูง ได้แก่
ฝรั่งกลมสาลี่ 
ฝรั่งไร้เมล็ด 
มะขามป้อม 
มะขามเทศ 
เงาะโรงเรียน 
ลูกพลับ 
สตรอว์เบอร์รี่ 
มะละกอแขกดำสุก
ส้มโอขาวแตงกวา 
พุทราแอปเปิล
 
ผลวิจัยยังพบว่า สาลี่ องุ่น และแอปเปิล ที่มีวิตามินซีสูง กลับมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ น้อยกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ

ส่วน 10 อันดับของผลไม้ที่มี วิตามินอี สูง ได้แก่ 
ขนุนหนัง 
มะขามเทศ 
มะม่วงเขียวเสวยดิบ 
มะเขือเทศราชินี 
มะม่วงเขียวเสวยสุก 
มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 
มะม่วงยายกล่ำสุก 
แก้วมังกรเนื้อสีชมพู 
สตรอว์เบอร์รี่ 
กล้วยไข่

ส่วนผลไม้ที่ได้ชื่อว่ามีสารทั้งสามมากที่สุดนั้นต้องยกให้ มะเขือเทศราชินี 

สรุปแล้วผักและผลไม้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำหรับคนที่รักสุขภาพครับ

ข้อมูลจาก วาไรตีเฮลท์ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิืจ วันที่ 6- 9 พฤศจิกายน 2551

Wednesday, November 5, 2008

Simple Ways to Supercharge Your Brain: วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มพลังสมอง

หลายๆ คนคงเคยรู้สึกโมโหตัวเอง เมื่อเจอกับเพื่อนหรือคนรู้จักแล้วจำชื่อเขาไม่ได้  แต่ไม่ต้องตกใจเพราะแทบทุกคนล้วนแต่เคยเป็นแบบนี้มาเหมือนๆ กัน

นักวิทยาศาสตร์บอกว่าสมองของมนุษย์เรา เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ทรงประสิทธิภาพ
และแข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะมันทำงานเก็บข้อมูลและประมวลผลแบบไม่มีวันหยุด ตลอดชีวิตของเรา  เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางครั้งสมองของเรา จะเกิดการผิดพลาดไปบ้าง เนื่องจากสมองของเราก็ต้องการการฟื้นฟูดูแลเพื่อให้คงประสิทธิภาพดั่งเดิม

มิวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถเพิ่มพลังให้กับสมองของเรา  โดยการปฏิบัติตัวง่ายๆ ไม่กี่ข้อดังนี้

1.  กินเมล็ด Almonds  เชื่อกันว่า  Almonds ช่วยเพิ่มความสามารถในการจำได้  เมล็ด Almonds ป่นผสมกับนมหนึ่งแก้วก่อนนอน หรือในตอนเช้าจะช่วยเพิ่มพลังสมองให้เรา

2.  ดื่มน้ำ Apple  จากการศึกษาโดย  University of Massachusetts Lowell (UML) ปรากฎว่าน้ำ Apple ช่วยเพิ่มการสร้าง  acethylchloline ซึ่งเป็น neurotransmitter ที่สำคัญของสมอง

3.  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ  จากการศึกษาพบว่า ระหว่างการนอนหลับ สมองจะทำการรวบรวมจัดเก็บภาพ และเหตุการณ์ที่พบในแต่ละวันให้เป็นระเบียบ  เพื่อไว้ใช้ในอนาคต   การพักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานส่วนนี้ของสมอง

4.  เพิ่มความสุขเล็กๆน้อยให้กับชีวิต  ความเครียดเป็นตัวดูดพลังงานสมอง ทำให้สมองสูญเสียทรัพยากรโดยไม่มีประโยชน์  พยายามใช้ชีวิตให้่มีความสุขทุกๆ วัน เพื่อทำลายความเครียดไปจากจิตใจของเรา วิธีเพิ่มความสุขเพื่อใ้ห้สมองของเราทำงานได้ดีขึ้น ได้แก่  การฟังเพลงที่เราชื่นชอบ  เล่นกับเด็กๆ  ขื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น ออกกำลังกายเป็นประจำ ฯลฯ

5.  หมั่นลับสมองของเรา  ไม่เพียงร่างกายของเราที่ต้องการการออกำลัีงกาย สมองก็ต้องการเช่นกัน  เด็กๆ จะมีพลังสมองที่กระตือรือร้นกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กมีสมองที่ต้องการเล่นและการเรียนรู้     วิธีเพิ่มประสิทธิภารของสมอง อีกวิธีหนึ่งก็คือ หากิจกรรมเพื่อให้สมองของเราได้ใช้งาน และมีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมเหล่านี้ได้แก่

การเล่นเกมส์ที่ใช้ความคิดเช่น scrabble หรือ crossword puzzle
การเป็นอาสาสมัครในการทำกิจกรรมต่างๆ
การติดต่อพูดคุยกับผู้อื่น
การหางานอดิเรกใหม่ๆ  เช่นเขียน blog อ่านหนังสือ วาดภาพ หรือดูนก
การฝึกทักษะใหม่ๆ หรือเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม

6. ฝึกสมาธิหรือโยคะ ซึ่งจะช่วยลดความเครียด ช่วยให้ทุกๆระบบในร่างกายทำงานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพลังสมองไปด้วย

7.  ลดการบริโภคน้ำตาล นอกจากอาจทำให้เกิดโรคเบาหวานแล้ว การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้ความสามารถในการจำลดลง และขี้ลืม

8. รัีบประทาน  Whole Wheat  จมูกข้าวสาลีมี lecithin เป็นจำนวนมาก ซี่งมีคุณสมบัติช่วยทุเลา ปัญหาที่เกิดจาก การแข็งตัวของหลอดเลือดซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของสมอง

9. ทานอาหารเย็นในปริมาณน้อย  การรับประทานอาหารหนักๆ  ในตอนเย็นหรือกลางคืน ทำให้รู้สึกอึดอัด และรบกวนการนอนหลับพักผ่อน การรับประทานอาหารมือเย็นหรือมื้อดึกแต่น้อย แต่เพิ่มผลไม้แทน จะทำให้การพักผ่อนนอนหลับดีกว่าเดิม และเพิ่มประสิทธิภาพของสมอง

10.  ฝึกการควบคุมอารมณ์ของตนเอง อาหารที่เต็มไปด้วยแป้ง มีผลต่อความเครียด ในขณะที่ผัก ผลไม้ และการดื่มน้ำมากๆ ร่วมกับการฝึกสมาธิ จะทำให้ การควบคุมอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม

11.  Vitamin B complex ช่วยให้การทำงานของสมองและระบบประสาทดีขึ้น  การรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามิน B ช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้นกว่าเดิม

Tuesday, November 4, 2008

The Weird Body quiz: คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายแค่ไหน?

ทดสอบว่าเรารู้เ้รื่องเกี่ยวกับร่างกายของเรามากน้อยแค่ไหนจาก The  New York Times
คำถามแปลกๆ เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเรา เช่นใช้ดินสอบ่อยๆ เพิ่มสารตะกั่วหรือไม่  จะตรวจสอบกลิ่นปากของเราเองได้อย่างไร?

หลังจากทดสอบความรู้แล้วอย่าลืมดูว่าสอบได้หรือสอบตกด้วยครับ!

http://www.nytimes.com/interactive/2008/10/31/health/20081031_WELLQUIZ.html